|
|
|
|
|
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
กลุ่มทีวีดิจิตอล
- จากกรณี กสทช.เห็นชอบ แนวทางลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล จากที่ประชุมเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 60 (วานนี้) ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการร่างประกาศ และนำไปสู่การรับฟังความคิดเห็น สาธารณะต่อไปนั้น ฝ่ายวิจัยได้ประเมิณอัตราค่าธรรมเนียมเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (ตามรายได้แบบขั้นบันได) ที่เปลี่ยนแปลงพบว่าสามารถแบ่งผู้ประกอบการที่ได้ประโยชน์ เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ ผู้ที่มีรายได้ระดับต่ำกว่า 5 พันล้านบาท และผู้ที่มีรายได้ระดับ 5 พัน - 1 หมื่นล้านบาท พบว่าผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จะได้ประโยชน์มากกว่า คือมีค่าธรรมเนียมลดลงราว 1% ขณะที่ผู้ที่มีรายได้สูงกว่าจะได้ประโยชน์ราว 0.8%
- โดยหากพิจารณาผู้ประกอบการที่มีกำไร 1H60 และได้รับผลบวกดังกล่าว ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ MONO มากสุด เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลอยู่ในกรอบ ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท กอปรกับมีฐานกำไรที่ต่ำส่งผลให้คาดจะมี Impact ราว 10 - 20% จึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"
Market View : ปัจจัยบวกหนุน
Stock of the town : BIG ECF
หุ้นแนะนำพิเศษ : กลุ่มทีวีดิจิตอล
หุ้นมีข่าว : DTAC CMO KKP TCAP D
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อนปรับตัวลงแรงจากแรงขายในหุ้นกลุ่ม ENERG หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัว และกลุ่ม ICT จากการประกาศผลประกอบการ 3Q60 และยังมีแรงขายกลุ่ม ธ.พ. รายตัวซึ่งจะรายงานงบการเงิน 3Q60 จนถึงวันที่ 20 ต.ค. 60 โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,707.53 จุด (-16.94 จุด) Volume 5.92 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,670.09 ลบ. TFEX Net –9,068 สัญญา ตราสารหนี้ +2,436 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยเฉพาะบริษัทไอบีเอ็มและแอ๊บบอต
+น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากอิหร่านอาจฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์หากสหรัฐเลือกที่จะทิ้งข้อตกลงดังกล่าว
+เฟดเผยรายงาน Beige Book ชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่อเนื่องทั้ง 12 เขตโดยขยายตัวปานกลาง แม้ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน
+IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 60 เพิ่มจาก 3.2% เป็น 3.7% และได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจของปี 61 ขยายตัวจาก 3.3% เป็น 3.5%
+พาณิชย์ แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย.60 ที่ระดับ 39.5 จาก 38.4 ใน ส.ค.60
+ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ ก.ย.ขยายตัว 7.19% มาที่ 120,654 คัน สูงสุดรอบ 24 เดือน
+/- Fund Flow พลิกเป็น Net Sell 2 วันติดต่อกัน 2.3 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า 33.12 Bath/USD อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนก.ย. TFEX เป็น Net Short ราว 1.2 แสนสัญญา
** ติดตามการประกาศงบกลุ่มธนาคาร 19 ต.ค. BBL KTB SCB 20 ต.ค. BAY KBANK KKP
**ในสัปดาห์นี้ สหรัฐเตรียมโหวตร่างงบประมาณประจำปี 2561 เพื่อปูทางสู่การพิจารณากฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจาก IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP และตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงรายงาน Beige Book เกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยลบกดดันจาก fund flow ที่ผันผวน ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,700-1,713 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- การปฎิรูปภาษีของสหรัฐ IVL EPG
- กลุ่มโรงกลั่นคาดกำไร Q3/17 เติบโต
- กลุ่มเดินเรืออานิสงส์ค่าระวางเรือทำ New High 1,566 จุด
- ประมูล SPP HYBRID 300MW BPP GPSC TPCH PSTC BCPG
- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/17 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ PTTGC TOP IRPC BCP BCPG HARN FTE ASIMAR ATP30 JWD ERW CKP COMAN SYNEX XO TPCH
หุ้นมีข่าว
- DTAC (ราคาปัจจุบัน 52.25 บาท Bloomberg Consensus 52.34 บาท)รายงานกำไร 3Q60 ออกมาที่ 601 ล้านบาท ลดลง 8.8%YoY จากรายได้บริการ (ไม่รวม IC) ลดลง 1.5%YoY มาที่ 1.59 หมื่นล้านบาท หลักๆมาจากลูกค้าบริการระบบเติมเงิน ลดลง 12%YoY มาที่ 17.6 ล้านเลขหมาย แต่ถูกชดเชยบางส่วนด้วยลูกค้ากลุ่มเติมเงินที่เพิ่มขึ้น 7.8%YoY มาที่ 5.5 ล้านเลขหมาย ขณะที่ต้นทุนในการให้บริการ ลดลงในอัตราส่วนที่น้อยกว่า ที่ 0.2%YoY จากการปรับเพิ่มขึ้นของ ค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย (12% ของต้นทุน) เพิ่มขึ้น 9%YoY จากการเพิ่มความจุของบริการ 4G และการเพิ่มความหนาแน่นของโครงข่าย 4G และค่าเสื่อมราคา (45% ของต้นทุน) ที่เพิ่มขึ้น 15%YoY จากการลงทุนในโครงข่ายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม DTAC ยังมี EBITDA เพิ่มขึ้น 7.2%YoY รวม 9M60 DTAC ยังมีรายได้รวมจากการให้บริการ (ไม่รวม IC) ทรงตัว YoY ซึ่งเป็นไปตามกรอบเป้าหมายของบริษัททั้งปี 60 แต่ทั้งนี้ กำไรที่รายงานในงวด 3Q60 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดราว 5 - 6% อย่างไรก็ตาม ในด้านราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงแรงกว่า 9% เพียง 2 วันทำการ
- ความเห็น คาดสะท้อนประเด็นผลประกอบการ 3Q60 ที่ต่ำคาด ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับ DTAC คือ การเข้าเซ็นสัญญากับ TOT เป็น Parter เพื่อให้มีใบอนุญาตชดเชยของเดิมที่จะหมดอายุลงในเดือน ก.ย. 61 อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี ซึ่งจะหนุนให้ DTAC กลับมาเป็นหุ้นกลุ่มสื่อสารที่น่าสนใจอีกครั้ง
- CMO (ราคาปัจจุบัน 1.97 บาท) จากที่ประชุม ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 60 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าเติบโต 10%YoY โดยการเติบโตหลักช่วง 1 - 2 ปี นี้ ยังมาจากธุรกิจหลัก 2 ส่วน คือ จัดงาน Event (50% ของรายได้) และให้เช่าอุปกรณ์จัดงาน (40% ของรายได้) จากการกลับมาขยายตัวของค่าใช้จ่ายในการจัดงานนิทรรศการเพื่อทำการตลาดของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ส่วนธุรกิจที่พึ่งเริ่มดำเนินการคือ Imaginia (ธุรกิจสวนสนุก) และ Himmapan Avatar ยังคงสร้างผลขาดทุนอยู่ เป็นปัจจัยที่จะฉุดรั้งการเติบโตบางส่วนในช่วงนี้
- ความเห็น โดยรวม ฝ่ายวิจัยคาดว่าแรงหนุนจากอุตฯ น่าจะช่วยให้งานจัดทรรศการและการเช่าใช้อุปกรณ์มีเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามกลยุทธ์ในการขยายสาขา และการขาย franchise ของธุรกิจสวนสนุก ว่าจะสามารถทำให้ธุรกิจสร้างผลกำไรได้เมื่อใด ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญในการกลับมาทยอยเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
- KKP (ราคาปิด 75.50 Bloomberg Consensus 71.17) มีประเด็นบวกจาก 1)การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาสก่อน 2) เก็งกำไรดีลขายหุ้นให้พันธมิตรรายใหม่ หลังจากที่ผู้บริหารของแบงก์ออกมายอมรับว่าพร้อมเปิดกว้างรับผู้ร่วมทุน เพื่อให้แบงก์สามารถเติบโตและแข่งขันกับแบงก์พาณิชย์อื่นในระบบต่อไปได้จากกลุ่มสถาบันการเงินจีนและญี่ปุ่นที่ต้องการขยายฐานการลงทุนในภูมิภาค โดยคาดว่า KKP จะใช้วิธีคล้ายกับ LHBANK โดยการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้ผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามา แต่ไม่ได้ให้เข้ามาเทกโอเวอร์กิจการแต่อย่างใด (ที่มา ข่าวหุ้น)
- TCAP (ราคาปิด 52 Bloomberg Consensus 50.83) เปิดเผยว่า 3Q60 มีกำไรสุทธิ 1,788.43 ล้านบาท +19%YoY 9M60 มีกำไรสุทธิ 5,066 ล้านบาท +17.28%YoY โดยมี %NPL ลดเหลือ 2.21% Coverage Ratio อยู่ที่ 143.09%
- CIMBT รายงานกำไร 3Q60 เท่ากับ 76.5 ล้านบาท -82%YoY 9M60 มีกำไรสุทธิ 554 ล้านบาท -31%YoY
- D (ราคาปิด 9.05 ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.22) ปรับลดเป้ารายได้ปี 2560 เป็นเติบโต 5% จากเดิม 10-15% เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ชาวต่างชาติชะลอการเข้ามาใช้บริการ ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้ไม่มีการปรับขึ้นค่ารักษา อย่างไรตามแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดจะเติบโตต่อเนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นประกอบกับสาขาเดิมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงไตรมาส 3/60 จะมีค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อขอความเห็นในการเข้าลงทุนโครงการโรงพยาบาลทันตกรรม (Bangkok International Dental Hospital : BIDH) (ที่มา ข่าวหุ้น)
- ความเห็น ประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ยึดหลักอนุรักษ์นิยมคาดรายได้ปี 60 ราว 461 ล้านบาทเติบโต 5% และคาดกำไรสุทธิปี 60 ราว 50 ล้านบาท เติบโต 19% กำไร 1H60 เท่ากับ 22.5 ล้านบาท +14%YoY เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อโครงการ BIDH เริ่มให้บริการราวปี 2562
|
บันทึกโดย : Adminวันที่ :
19 ต.ค. 2560 เวลา : 09:59:09
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น