กลยุทธ์วันนี้ >> เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 3Q17 แข็งแกร่งและซื้อ Big Cap ในช่วงลบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ในช่วงครึ่งเช้า ก่อนที่จะปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงบ่ายโดยมีแรงขายออกมาหนาแน่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุ้นขนาดใหญ่และทำให้ดัชนีปิดลบถึง 24.10 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 2,074 ลบ. และ 2,745 ลบ.ตามลำดับ แต่เริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้นบ้างจากการกลับมาซื้อสุทธิในตลาดฟิวเจอร์สราว 3,000 ลบ.ของนักลงทุนต่างชาติ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET ยังมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อจากการขายทำกำไรของสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติจากดัชนีที่ปรับตัวขึ้นมาเร็วในช่วงเดือนครึ่งที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากผลกระทบจากการตั้งด้อยค่าโครงการออยล์แซนด์ของ PTTEP ซึ่งกระทบลามถึง PTT ขณะที่ผลประกอบการกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างเซอร์ไพรส์ในทางบวก ทำให้ตลาดขาดปัจจัยบวกในระยะสั้น อย่างไรก็ตามเรายังมองว่าการปรับฐานของ SET เป็นโอกาสในการเข้าซื้อรอบใหม่และยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการฟื้นตัวของผลประกอบการกลุ่มอื่นๆที่จะประกาศตามออกมา รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 3Q17 แข็งแกร่งและซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงลบ
หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : ADVANC, ATP30, BANPU, IRPC, KKP
Fund flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$139ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$247ล้าน ขณะที่ไหลออกไทย US$83ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกภูมิภาควิตกสถานการณ์การเมืองที่สเปน
ชวนเม้าส์หุ้นเด่น >> KCAR <<
- สภาพคล่องในตลาดรถมือสองที่ดีขึ้น ตามการฟื้นตัวของตลาดรถมือหนึ่ง ถือเป็นปัจจัยบวกกับ KCAR ที่เราคาดว่าจะมียอดขายรถมือสองปีนี้ 2.4-2.5 พันคัน ซึ่งส่วนมากจะเกิดขึ้นใน 2H17
- แนวโน้มกำไร 3Q17 เราคาด KCAR เป็นหนึ่งในกลุ่มไฟแนนซ์ที่งบจะออกมาสวยตาม THANI และ KTC ส่วนกำไรทั้งปีนี้คาด 355 ลบ. +7% Y-Y ดีสุดในรอบ 5 ปี จากธุรกิจขายรถที่ดีทั้งปริมาณและราคาขาย ส่วนธุรกิจให้เช่ารถยังมีฐานลูกค้าองค์กรที่เหนียวแน่น
- PE2017-18 ต่ำเพียง 10.5-9.8 เท่า ปันผลสูงถึง 6.8% ต่อปี (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) และด้วยอัตราส่วนราคา KCAR:ASAP ลงแตะขอบล่างของกรอบ sideway ที่ 1.85-2.10 เท่าพอดี KCAR จึงมีโอกาสกลับมา Outperform ระยะสั้น แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ 17 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) KBANK รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 9.47 พันลบ. +5.4% Q-Q, -12% Y-Y ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด แต่น้อยกว่าที่เราคาดไว้ราว 5% เนื่องจากการค่าใช้จ่ายตั้งสำรองฯหนี้สูญที่สูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยมี Credit cost ที่ 2.36% (เราคาด 2.07%) สะท้อนมุมมองเชิงระมัดระวังต่อภาวะเศรษฐกิจต่อไป อย่างไรก็ตามหากหักรายการสำรองฯ PPOP ดีกว่าคาด NPL Ratio ทรงตัวที่ 3.3% เช่นเดียวกับ Coverage ratio ที่ทรงตัวในระดับ 141% เรามีแนวโน้มปรับลดกำไรปีนี้ลง 5-8% และอยู่ในระหว่างการทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายปี 2018 แต่ยังคงคำแนะนำซื้อ โดยคงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตสินเชื่อและคุณภาพหนี้ในปี 2018
(0) BBL รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ใกล้เคียงคาดที่ 8.16 พันลบ. +1.4% Q-Q, +1.2% Y-Y แต่ PPOP แข็งแกร่งกว่าคาด จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (แม้มีผลของการปรับลด MRR เต็มไตรมาส), รายได้จากเงินลงทุน และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง NPL Ratio แม้ยังปรับขึ้นแต่เป็นอัตราที่ชะลอ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี เราคงประมาณการกำไรปีนี้ +0.7% Y-Y ขณะที่ มีมุมมองเชิงบวกมากต่อผลประกอบการปี 2018 ที่จะรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียม Bancassurance จาก AIA ที่เราคาดหวังการเพิ่มขึนของค่าธรรมเนียม 20%Y-Y แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 230 บาท
(-) SCB กำไร 3Q17 น่าผิดหวังที่ 1 หมื่นลบ. -15% Q-Q, -12%Y-Y เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯ และค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมากกว่าคาด NPL เพิ่มเป็น 2.75% ของสินเชื่อรวม เนื่องจากการด้อยคุณภาพในกลุ่ม SME และสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งผู้กู้เป็น Self-employed ขณะที่ลูกหนี้จัดชั้น SM เพิ่มขึ้นแต่มาจากกลุ่มเหมืองแร่ (เราคาด PACE ยังจัดชั้นเป็นลูกหนี้ปกติ) เนื่องจากกำไร 3Q17 น้อยกว่าคาดและแนวโน้ม 4Q17 น่าจะทรงหรือชะลอตัว เรามีแนวโน้มปรับกำไรปีนี้และปีหน้าลง แนะนำ SWITCH เป็น KBANK หรือ BBL
(0) BAY กำไร 3Q17 ใกล้เคียงคาดที่ 6 พันลบ. +2.4% Q-Q, +3.2% Y-Y ขณะที่ สินเชื่อและคุณภาพสินเชื่อยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยสินเชื่อ +1.4% Q-Q ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อรายย่อย และ NPL Ratio ลดลงอยู่ที่ 2.16% ขณะที่ Coverage ratio ที่ 149% แข็งแกร่งขึ้นมาก เราปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 42 บาท ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ จาก Upside ที่แคบลง
(0) MFEC คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 29 ลบ. -25% Q-Q, -64% Y-Y ซึ่งปกติครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก แต่ปีนี้ที่ดูชะลอเพราะปีก่อนมีกลับรายการต้นทุนบางส่วนจึงทำให้ฐานสูง และเป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนธุรกิจใหม่ รวมถึงค่าใช้จ่ายตั้งสำรองธุรกิจเดิมที่ยังไม่สามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้ เราปรับกำไรปีนี้และปีหน้าลง 32% และ 4% อย่างไรก็ตาม เรายังชอบ MFEC ในฐานะ Asset Play ที่ PBV ต่ำเพียง 1.1 เท่า มีเงินสดในมือสูง 2.50 บาท/หุ้น และฐานะการเงินเป็น Net Cash อีกทั้งยังเป็น Income Stock ที่ให้ Dividend Yield สูง 6% ต่อปี ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 6.60 บาท แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20 ต.ค. - สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านมือสอง
- ไทย: ดุลการค้า (ก.ย.)
: ผลประกอบการ 3Q17 ของ KBANK และ KKP
21 ต.ค. - สหรัฐฯ: ถ้อยแถลงของประธานเฟด
24 ต.ค. - ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ต.ค.)
25 ต.ค. - สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.)
26 ต.ค. - ยูโรโซน: ประชุม ECB
27 ต.ค. - สหรัฐฯ: GDP3Q17
31 ต.ค. - ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ
31 ต.ค.- 1 พ.ย. - สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
ข่าวเด่น