กลยุทธ์วันนี้ >> เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 3Q17 แข็งแกร่ง

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดของวันโดยลดลงเกือบ 10 จุดก่อนที่จะแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน โดยในท้ายสุดสามารถปิดบวก 9.15 จุด อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันและเร่งตัวขึ้นเป็น 3,276 ลบ.
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up รับผลการเลือกตั้งญี่ปุ่นและการอนุมัติผ่านร่างงบประมาณประจำปี 2018 ของวุฒิสภาสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามทั้งการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งประธาน FED คนใหม่ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าจะรู้ผลในเร็วๆนี้ รวมถึงการประชุม ECB ในวันพฤหัสฯนี้ที่อาจมีการลดขนาดวงเงิน QE ลง ทำให้เราเชื่อว่ากรอบการบวกยังคงจำกัด หุ้นที่มีปัจจัยบวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำไร 3Q17 ที่จะออกมาแข็งแกร่งน่าจะสามารถ Outperform ตลาดได้ในระยะนี้
  กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 3Q17 แข็งแกร่ง
  หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : ADVANC, ATP30, BANPU, IRPC, KKP
  Fund flow เมื่อวันศุกร์และเมื่อวานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$585ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$380ล้านและไต้หวัน US$127ล้าน ขณะที่ไหลออกไทย US$99ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค รับผลการเลือกตั้งที่ญี่ปุ่น พรรค LDP ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายซึ่งจะสนับสนุนนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไป

ชวนเม้าส์หุ้นเด่น >> SEAFCO <<

• คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 45 ลบ. +255% Y-Y +18% Q-Q จาก High Season และฐานที่ต่ำในปีก่อน
• Backlog ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.6 พันลบ. มากสุดในตลาดฐานราก โดยมี Upside จากงานรอผลประมูลราว 1 หมื่นลบ. เช่น รถไฟฟ้าสีชมพู เหลือง ม่วงใต้, ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง และ One Bangkok คาดกำไรสุทธิปี 2017-2018 โตเฉลี่ย 34% ต่อปี
• ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 19.30 บาท หรือ 9.65 บาทหลังแตกพาร์วันที่ 27 ต.ค. PE2018 อยู่ที่ 18.6 เท่า ยังต่ำกว่า PYLON ที่ 23 เท่า และกลุ่มรับเหมาที่ 20 เท่า แนะนำซื้อ

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) เลือกตั้งญี่ปุ่น พรรค LDP รวมถึงพันธมิตรได้ 312 ที่นั่ง จาก 465 ที่นั่ง ถือว่าชนะท่วมท้น คาดว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และนโยบายที่เป็นบวกกับตลาดหุ้น เช่น ลดภาษีนิติบุคคลจะถูกสานต่อ ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่า แต่ที่น่าสนใจคือ มาตรการทางทหารที่อาจทำให้ญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือตึงเครียดมากขึ้น ผลกระทบต่อตลาดเอเชียเช้านี้ดูเป็นบวกเล็กน้อย 
  (0) กลุ่มธนาคาร สรุปกำไร 3Q17 ของกลุ่มอยู่ที่ 4.67 หมื่นลบ. +4.5% Q-Q, -8.7% Y-Y ธนาคารที่กำไรต่ำคาดคือ KTB, SCB และ TMB จากการตั้งสำรองฯที่สูงกว่าที่คาด ส่วนที่กำไรสูงกว่าที่คาดคือ KKP, TCAP และ TISCO จากการตั้งสำรองฯที่ลดลง และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้น ขณะที่ NPL อยู่ในทิศทางทรงตัว ยกเว้น KTB ยังเห็นการปรับขึ้นของ NPL เราเชื่อว่าจะแก้ไขได้ในปีนี้ คง Overweight กลุ่มธนาคาร โดยมองการลงทุนสำหรับปี 2018 ที่จะเห็นการเติบโตด้านรายได้ และค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะสำรองฯที่ลดลง แนะนำ KBANK (2018 TP 256) และ TMB (2018 TP 2.88) 
  (+) KKP กำไร 3Q17 ไม่ทำให้ผิดหวัง +45% Q-Q, +2% Y-Y จากการตั้งสำรองฯที่น้อยกว่าคาด PPOPเป็นไปตามคาด ขณะที่ คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 น่าจะชะลอตัว โดยคาดว่า KKP จะตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น Q-Q ก่อนใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ส่วนกำไรปี 2018 คงคาดการณ์ที่ 5.9 พันลบ. (+3% Y-Y) แต่ Upside แคบลง จึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อ เป็น ถือหรือซื้อลงทุนรับปันผล 6.6% ต่อปี (KKP มีการประชุมนักวิเคราะห์วันนี้)
  (0) PTTEP คาด 3Q17 ขาดทุนสุทธิ 1.0 หมื่นลบ. จากการตั้งด้อยค่า Mariana Oil Sand ราว 1.84 หมื่นลบ. หากไม่รวม คาดมีกำไรปกติ 5.6 พันลบ. (-2% Q-Q, +123% Y-Y) เรายังคงกำไรปกติปีนี้ที่ 2.6 หมื่นลบ. +89% Y-Y ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 102.0 บาท และปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อจากเดิมถือ โดยมองประเด็นการด้อยค่ากระทบเพียง sentiment ระยะสั้น และไม่กระทบพื้นฐานในมุมมองของเราเพราะยังไม่รวมในประมาณการ
  (0) MALEE คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 97 ลบ. (+59.1% Q-Q, -39.8% Y-Y) ยังไม่ใช่ระดับปกติที่เคยทำได้ เพราะยอดส่งออกน้ำมะพร้าวยังลดลง โดยคาดว่าจะฟื้นปีหน้าพร้อมไปกับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ส่วนภาษีสรรพษามิตที่จะใช้ 2 ปีหลังจากนี้ คาดกระทบจำกัด กรณีแย่สุดถ้าปรับสูตรไม่ได้ จะกระทบกำไรเพียง 1.8% เราปรับลดกำไรสุทธิปีนี้ลง 20% เหลือ 412 ลบ. (-22% Y-Y) ก่อนจะกลับมาโต 37% Y-Y ในปีหน้า ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 46.5 บาท แต่ Upside จำกัดแนะนำถือ
  (0) RS คาดกำไร 3Q17 ที่ 123 ลบ. +125% Q-Q และพลิกจากขาดทุน 54 ลบ. ใน 3Q16 แรงหนุนยังมาจากธุรกิจ H&B ขณะที่รายได้ทีวีดิจิตอลกระเตื้องขึ้นตาม Rating ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา  มองกำไรปกติปีนี้มี Upside เล็กน้อยจากประมาณการเดิมที่คาดฟื้นตัวสูงจากขาดทุนปีก่อนและโตสูงในปีหน้า แต่ราคาหุ้น +153% YTD เกินราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 18 บาท จึงแนะนำขาย  แม้คาดการณ์กำไร 3Q17 ที่แข็งแกร่งอาจหนุนราคาในระยะสั้น

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

24 ต.ค.   - ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ต.ค.)
25 ต.ค.    - สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.ย.)
26 ต.ค.    - ยูโรโซน: ประชุม ECB
27 ต.ค.      - สหรัฐฯ: GDP3Q17 
31 ต.ค.      - ญี่ปุ่น: ประชุม BOJ

31 ต.ค.- 1 พ.ย. - สหรัฐฯ: ประชุม FOMC