สภาวะตลาดวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,276.80-1,283.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,100 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV17 อยู่ที่ 20,170 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 40 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,210 บาท
  (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.33น. ของวันที่ 24/10/60)

แนวโน้มวันที่ 25 ตุลาคม 2560
  การคาดการณ์ที่ว่า ญี่ปุ่นจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากเป็นพิเศษต่อไป หลังจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงครองเสียงข้างมาก 2 ใน 3 ของสภาล่าง แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นไปตามคาดการณ์แต่ปัจจัยนี้ก็ส่งผลให้สกุลเงินเยนอ่อนค่าลงและหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น จนกดดันราคาทองคำ เพราะนักลงทุนประเมินว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงโครงการซื้อสินทรัพย์ที่ดำเนินการโดยธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงดำเนินต่อไป และจะทำให้เยนยุติการอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่แรงซื้อทองคำยังคงไม่มากนักเพราะนักลงทุนกังวลว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่อาจจะมีท่าทีในการคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะตัดสินใจเลือกผู้ที่มาเป็นประธานเฟดคนใหม่ โดยกำลังพิจารณาบุคคล 3 คนได้แก่ นายเจอโรม โพเวลล์ ผู้ว่าการเฟด, นายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ประกอบกับแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากจีนอาจชะลอตัวลง เพราะมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตได้ดี โดยเห็นได้จากผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ขยายตัว 6.8% ในไตรมาส 3 และยังคงมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีในปีนี้ และประธานคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ของจีนเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายสำหรับปีนี้ แนะนำให้ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ประเมินว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีกโดยราคาทองคำมีแนวโน้มขึ้นทดสอบแนวต้านในโซน 1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามการแนะนำจับตาความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดและการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเพื่อประกอบการตัดสินใจ

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังมีแนวโน้มทดสอบแนวต้านต่อไปที่ 1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,271-1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทองคำแท่ง (96.50%) 
แนวรับ            1,260 (19,750บาท)         1,249 (19,550บาท)             1,237 (19,400บาท)
แนวต้าน          1,288 (20,200บาท)         1,296 (20,350บาท)             1,307 (20,500บาท)             
  
GOLD FUTURES (GFV17)
แนวรับ            1,260 (19,880บาท)         1,249 (19,710บาท)             1,237 (19,520บาท)

แนวต้าน          1,288 (20,330บาท)         1,296 (20,460บาท)             1,307 (20,630บาท)