คำแนะนำ

  เน้นการซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และควรคำนึงถึงความเสี่ยงจากวันหยุด

แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ  1,260  1,249  1,237
แนวต้าน  1,288  1,296  1,307

ปัจจัยพื้นฐาน
  ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง  5.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์มากขึ้นว่าประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดคนใหม่อาจเป็นนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์ม.สแตนฟอร์ดซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน  ทั้งนี้นายเทเลอร์มีแนวคิดสายเหยี่ยวจึงอาจทำให้เฟดปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ  ประกอบกับไอเอชเอส มาร์กิตเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐที่ดีเกินคาด  ขณะที่ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทต่างๆในสหรัฐเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 167.80 จุดหรือ 0.72% และเป็นปัจจัยเพิ่มเติมที่กดดันราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงแกว่งตัวลงในกรอบจำกัดเนื่องจากนักลงทุนกำลังรอดูความชัดเจนว่าท้ายที่สุดแล้วประธานาธิบดีทรัมป์จะเลือกใครให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่  รวมถึงรอดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ในวันที่ 26 ต.ค.ซึ่งคาดว่าอีซีบีอาจประกาศแผนปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งนี้ 

ปัจจัยทางเทคนิค
  หากราคาทองคำไม่สามารถสร้างระดับสูงสุดใหม่จากวันก่อนหน้าได้ ขณะที่การดีดตัวขึ้นค่อนข้างจำกัดแสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้นยังคงไม่มาก ทั้งนี้ ทำให้ประเมินแนวรับอยู่ในบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาไม่หลุดยังคงมีโอกาสที่ราคาจะทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES  
  เน้นการลงทุนซื้อขายระยะสั้นโดยเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจทยอยแบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์