Market summary
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นต่อ โดยเกิดจาก Technical rebound ใน SCB , KBANK และ TISCO ในขณะที่กลุ่มค้าปลีกยังคงมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องนำโดย BJC, HMPRO, GLOBAL อีกทั้ง CBG, WORK สามารถปรับตัวยืนเหนือ 100 บาทได้เป็นครั้งแรก สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,708.8 จุด (+7.0 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 4.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้งที่ 1,743 ลบ. และกลับมา Short สุทธิ SET50 Index Future ที่ 4,619 สัญญา
Investment theme
กลุ่มค้าปลีกดันดัชนี – กลุ่มคนชั้นกลางเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ เป็นบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ: สถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่า กลุ่มค้าปลีกซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาดเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนดัชนีได้ดี จากความคาดหวังของการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ส่งผลให้มีการคาดการณ์ยอดขายเฉลี่ยของสาขา (SSSG%) ในหลายๆบริษัทพลิกกลับมาเป็นบวก และ/หรือ บางบริษัทฯ มียอดขายสูงสุดในรอบหลายปี ซึ่งเรามองว่าอีกหนึ่งกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมคือ กลุ่มอสังหา นำโดย LPN, SPALI ซึ่งในอดีตกลุ่มคนกลุ่มนี้ ได้ชะลอการบริโภคออกไป (มีเงินแต่ไม่บริโภค) เนื่องจากไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันเราเชื่อว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้กำลังจะเริ่มกลับมาบริโภคอีกครั้งภายหลังเห็นหลายสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งภาคอุตสาหกรรมภาคการผลิต และการบริโภคในประเทศ
Investment theme: เริ่มเห็นนักลงทุนต่างประเทศ Rotate เม็ดเงินจากเอเชียใต้รวมถึงประเทศไทย กลับไปยังเอเชียเหนืออย่าง เกาหลีใต้และไต้หวันภายหลังสถานการณ์คาบสมุทรเกาลีบรรรเทาลง แนะนำ Go with the flow และจับตาเม็ดเงิน LTF ดันตลาดหุ้นไทย
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา จับตาการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา / สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนกันยายนเพิ่มขึ้นกว่า 17%YoY ที่ 667,000 ยูนิต (สูงสุดในรอบ 10 ปี) / นักลงทุนคาด BOE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.5% ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ 1.325 / นายกใช้ม.44 ดันผังเมืองใหม่ 3 จังหวัดเปิดทาง EEC และใช้ตั้งสำนักงานบริหารจัดการน้ำ / ECB คงดอกเบี้ย และ เตรียมปรับลดวงเงิน QE เหลือ 3.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึง กันยายน 2561
INTUCH ยื่นอนุญาโตตุลาการตัดสินดาวเทียม ไทยคม 7และ8 ภายหลังกระทรวงดิจิทัล ยื่นหนังสือให้โอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบทรัพย์สิน
Stock pick : BDMS
BDMS : เก็งกำไร แนวต้านบริเวณ 21.80 บาท
- คาดผลประกอบการไตรมาส 3 เติบโต YoY, QoQ จากทั้งจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10%YoY และ EBITDA margin (%) ที่สูงขึ้นตามดัชนีความซับซ้อนของโรค (Case mix index) ในขณะที่คาด Margin(%) จะค่อยๆ ดีขึ้น ในปี 2561 จากการ Break even ของโรงพยาบาลในเครือต่างจังหวัดกว่า 10 โรง
- สำหรับอุตสาหกรรมโรงพยาบาล เรามองว่า BDMS จะได้ประโยชน์จากจำนวนสาขาที่สูงสุดในประเทศประมาณ 45 โรง (ประมาณ 6,000 เตียง) ครอบคลุมทุกภูมิภาค
- ราคาหุ้นปัจจุบัน YTD - Laggard BH อยู่สูงกว่า 30% แนะนำเก็งกำไร BDMS คาดผู้บริหารกล่าวถึงรายละเอียด Wellness clinic ครั้งแรก ใน analyst meeting เดือน พ.ย.
Trading idea – – ทยอยสะสม PTTEP / เก็งกาไรกลุ่มนิคม WHA, AMATA (23.30+/-) จากประเด็น นายกใช้ม.44 เปิดทางที่ดิน 3 จังหวัด เพื่อ EEC / ทยอยสะสม BLA บริเวณ 37.00 / กลุ่มค้าปลีก ROBINS
Technical View
ฟื้นตัวแบบ V-Shape : ดัชนีเปิดโดดทำ Gap ติดแนวต้าน 1710 และแกว่งตัวออกข้างตลอดทั้งวัน ภาพระยะสั้นขณะนี้ดัชนีฟื้นตัวขึ้นในลักษณะ V-Shape ซึ่งมีแนวต้าน Neckline ที่บริเวณ 1710-1720 เราคาดว่าที่แนวต้านดังกล่าวดัชนีจะเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น ระยะสั้นมองว่ายังคงมีโอกาส Sideway Up กรอบ 1700-1720 และคาดที่บริเวณแนวต้านอาจเริ่มมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงุทน (1) มีหุ้น: ระยะสั้นอาจขายทำกำไรบางส่วนที่ 1716-1720 แล้วรอซื้อกลับที่แนวรับ
(2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันสู่แนวรับ เป็นโอกาสซื้อเพื่อ Trading ระยะสั้น
แนวรับ : 1705, 1700 แนวต้าน : 1712, 1720
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump อยู่ระหว่างการการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / ติดตามปัญหาความรุนแรงในประเทศฟิลิปปินส์ / สหรัฐเตรียมเผยร่างกฏหมายภาษี 1 พ.ย. คาดผ่านร่าง 23 พ.ย. / BOE ประชุม 2 พ.ย.
ปัจจัยในประเทศ : -
หุ้นเทคนิค:
ADVANC (B 193.00, Tp 199.50//204.00, Cut 190.00
TOA (B 35.00, Tp 38.00, Cut 34.25)
ข่าวเด่น