กลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมันดิบบวกกว่า 2% รวมถึงตลาดติดตามการประกาศงบ บจ.กลุ่ม Real Sector ส่วนปัจจัย ตปท.ก็สดใส ดาวโจนส์ยังปิดทรงตัวในระดับสูง ประเมินSET Index สัปดาห์นี้มีโอกาสทดสอบ 1,739 จุด
*ภาวะตลาดหุ้นไทย
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ต.ค.) ปิดที่ 1,716.03 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด หรือ 0.42%มีมูลค่าการซื้อขาย 59,930.36 ล้านบาท สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,185.95 ลบ.
*ภาวะตลาดหุ้น-น้ำมันสหรัฐ
- ดาวโจนส์บวก 33.33 จุด รับหุ้นเทคโนโลยี - จีดีพีสหรัฐฯ ดีเกินคาด
วันศุกร์ที่ผ่านมา (27 ต.ค.60) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดที่ 23,434.19 จุด เพิ่มขึ้น 33.33 จุด หรือ 0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,581.07 จุด เพิ่มขึ้น 20.67 จุด หรือ 0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,701.26 จุด เพิ่มขึ้น 144.49 จุด หรือ 2.20%
- ราคาน้ำมันดิบไลท์ที่ตลาดนิวยอร์ก วันที่ 27 ต.ค. 60 ปิดที่ระดับ 53.90 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.39%
* ประเด็นติดตาม
- หุ้น IPO ในตลาด mai เข้าซื้อขายวันแรก 2 บริษัท ได้แก่ FLOYD (1 พ.ย.) และ TITLE (2 พ.ย.)
- การประชุม (BOJ) และ GDP Q3/60 ของยูโรโซน วันที่ 31 ต.ค.
- การประชุมเฟด วันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย.
- การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ วันที่ 2 พ.ย.
- การรายงานดัชนีตลาดแรงงานของสหรัฐฯ วันที่ 3 พ.ย.
- การประกาศงบการเงินของ บจ.
*มุมมองโบรกฯ เช้านี้
บล.เอเอสแอล คาดว่า ดัชนี SET Index สัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบ 1,739 จุด ภาพรวมยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ สัปดาห์นี้มุ่งเน้นไปที่การรายงานผลประกอบการกลุ่ม Real Sector ไม่ว่าจะเป็น HMPRO PTTEP IRPC เป็นต้นที่จะเริ่มทยอยประกาศต่อจากกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นมารับผลประกอบการ 3Q60 ที่คาดว่าจะดีขึ้นมาก่อนแล้ว ทำให้กลุ่ม Mid-Small Cap. ที่เราแนะนำเชิงกลยุทธ์ฯอย่าง PSL SEAFCO MONO S11 และ SAPPE รวมไปถึง Stock Highlight สัปดาห์ก่อนอย่าง FN AUCT และ CHG ยังคงโดดเด่น ด้านราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงต่อกว่า 2.4% หนุนกลุ่มพลังงาน ติดตามความชัดเจนประธานเฟดก่อนทรัทป์เยือนเอเชียสุดสัปดาห์นี้ซึ่งเราประเมินว่าหากนายเจอโรม พาวเวล (สาย Dovish) ได้ตำแหน่งจะไม่ส่งผลลบต่อตลาด การประชุม FED กลางสัปดาห์คาดคงนโยบายไว้เหมือนเดิม
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า SET จะเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ต่อเนื่องโดยกลุ่มพลังงานน่าจะนำตลาดได้จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่านายเจอโรม พาวเวลน่า (สายพิราบ) จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธาน FED คนต่อไป ขณะที่ปัจจัยในประเทศต้องติดตามการประกาศกำไร 3Q17 กลุ่ม Real Sector ซึ่งคาดว่าจะเห็นแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นที่คาดว่ามีผลประกอบการแข็งแกร่ง
บล.ไอร่า คาดมีโอกาสปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ภายใต้ Sentiment ที่เป็นบวก โดยเฉพาะ DJIA ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่อยู่ระหว่างรอประเด็นต่างประเทศ (1) การประกาศว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดต่อไป คาดจะมีการประกาศก่อนวันที่ 3/11/60 ซึ่งล่าสุดเหลือตัวเก็ง 2 คน ได้แก่ นายเจอโรม พาวเวล และนายจอห์น เทย์เลอร์ ซึ่งคาดตามนโยบายของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการลดกฎระเบียบต่างๆ ลง เพื่อเอื้อต่อการทำธุรกิจ
และ (2) แผนการปฏิรูปภาษีของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เสนอปรับลดทั้งภาษีรายได้นิติบุคคล และบุคคลธรรมดา โดยคาดสภาคองเกรส จะเริ่มต้นพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี (หลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายงบประมาณปี'61 เมื่อวันที่ 19/10/60 ที่ผ่านมา) ซึ่งหากผ่านการพิจารณา คาดเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดในระยะต่อไป
ข่าวเด่น