คำแนะนำ
ยังมีลุ้นที่ราคาอาจไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,282-1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,263-1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,260 1,249 1,237
แนวต้าน 1,288 1,296 1,307
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระหว่างวันราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,280.87ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนที่จะปรับตัวลงหลัง ADP เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในภาคเอกชนของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด 235,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. อย่างไรก็ดีแรงซื้อเก็งกำไรรวมถึงการซื้อคืน(Short Covering)เพื่อปรับสถานะของนักลงทุนหลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ลงมติตรึงอัตราดอกเบี้ยตามคาด รวมถึงการคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะเลือกนายเจอโรม พาวเวลให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ซึ่งจะทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นและยังคงรักษาช่วงบวกเอาไว้ได้ แต่การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำยังถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นขานรับการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ของเฟด ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง 1.18 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BoE), การประกาศชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่, การเปิดเผยร่างกฎหมายภาษีของสหรัฐและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,282-1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,263-1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
แบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,282-1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อเก็งกำไรจากการดีดตัวขึ้นหากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซน1,263-1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น