กลยุทธ์วันนี้ >> ยังเน้นเก็งกำไรหุ้นที่มีผลประกอบการ 3Q17 แข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,730 จุดได้ตามคาด แต่ไม่สามารถทะลุผ่านจึงมีแรงขายออกมาและทำให้ ณ สิ้นวันปิดลบ 6.82 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันและหนาแน่นขึ้นเป็น 1,051 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิ 675 ลบ.หลังซื้อติดต่อกัน 6 วันทำการ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways โดยปัจจัยในประเทศวันนี้จะมีการประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 ของหุ้นขนาดใหญ่ได้แก่ ADVANC PTTEP และ IRPC ขณะที่การประชุม FED ในช่วง 2 วันที่ผ่านมายังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.00-1.25% ตามคาด นอกจากนี้สำนักข่าวต่างประเทศยังรายงานว่าทรัมป์ได้เลือกนายเจอโรม พาวเวลล์เป็นประธาน FED คนใหม่ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดและไม่น่าจะกระทบกับการดำเนินนโยบายการเงินให้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ
กลยุทธ์ : ยังเน้นเก็งกำไรหุ้นที่มีผลประกอบการ 3Q17 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$83ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$235ล้าน ขณะที่ไหลออกไต้หวัน US$47ล้าน และไทย US$32ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังมีกระแสข่าวหนาหูว่า นายพาวเวล น่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดคนใหม่ ส่วนการประชุม Fed เมื่อคืนนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาด
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MODERN <<
- คาดกำไรสุทธิ 3Q17 +275% Q-Q, +144% Y-Y อยู่ที่ 80 ลบ. จากลูกค้าคอนโดและออฟฟิสที่ฟื้นตัว รวมถึงการรับรู้รายได้ของโมเดิร์นฟอร์มแฮลท์แอนด์แคร์ (MHC) ที่กำลังอยู่ในช่วงโตสูง
- คาดงบผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เพราะกระแส coworking space มาแรง, ทำตลาดแบบโฟกัสมากขึ้น, และค่าใช้จ่ายเริ่มนิ่งหลังปรับโครงสร้างองค์กร 2 ปีที่ผ่านมา
- ธุรกิจรับเหมาตกแต่งห้องผ่าตัดของ MHC จะเรียกศรัทธาให้ MODERN อีกครั้ง เพราะแข่งขันต่ำและอยู่ใน mega trend โดยเมื่อคิดกลับเป็นมูลค่าของ MODERN คาดสูงถึง 2.40 บาท/หุ้น เมื่อผนวกกับเงินสดในมือ 0.70 บาท/หุ้น และปันผล 6-8% ต่อปี เรามองราคาปัจจุบันแทบไม่เหลือ Downside แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.80 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ผลประชุม FOMC เป็นไปตามคาด ยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยและให้รายละเอียดเพิ่มเติมในการลดขนาดงบดุล ตลาดยังรอดูชื่อประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งตัวเต็งยังเป็นเจอโรม พาวเวล หากเป็นไปตามนี้จะไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินสกุลสำคัญและการไหลของกระแสเงิน ปัจจัยที่ต้องตามต่อคือตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรคืนพรุ่งนี้ น่าจะฟื้นเร็วหลังจากพักฐานเพราะพายุเข้าในเดือนก่อน
(-) SCC กำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 11,836 ลบ. -11% Q-Q, -16% Y-Y ต่ำกว่าเราและตลาดคาด โดยที่ลดลง Q-Q เพราะปันผลหายไปตามฤดูกาลและการชะลอของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ส่วนที่ลดลง Y-Y เพราะส่วนต่างปิโตรเคมีแย่ลง เรายังคงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 5.4 หมื่นลบ. -1% Y-Y และปีหน้า 5.6 หมื่นลบ. +4% Y-Y โดยคาดว่าธุรกิจก่อสร้างจะฟื้นตัวตามการลงทุนภาครัฐฯ ยังคงแนะนำซื้อลงทุน ในฐานะหุ้นพื้นฐานดีที่ valuation ไม่แพง ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 600 บาท ทั้งนี้ SCC ถือเป็น leading indicator ของ real sector ที่ไม่ดีนัก จึงต้องระวังแรงขายในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่จะเปิดเผยผลงบเป็นกลุ่มถัดไป
(-) THCOM ประกาศกำไรปกติ 3Q17 ออกมาอ่อนแอมากเหลือเพียง 33 ลบ. -83.4% Q-Q, -90.9% Y-Y จากรายได้ที่ยังหดตัวแรงจากการสูญเสียลูกค้า ขณะที่ข้อพิพาทกับภาครัฐยังเป็นปัจจัยกดดันและอาจส่งผลต่อการดำเนินงานระยะยาว เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2017-2018 ลง 30-50% เหลือ 420 ลบ. -74.3% Y-Y และ 316 ลบ. -26% Y-Y ตามลำดับ ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 13.50 บาท เรายังไม่เห็นความน่าสนใจในการเข้าลงทุน
(0) SCB ปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 160 บาท เพื่อสะท้อนประมาณการกำไรสุทธิปี 2017-2018 ที่ปรับลดลง 5-8% อยู่ที่ 4.4 หมื่นลบ. และ 4.65 หมื่นลบ. ตามลำดับ การเติบโตของกำไรในปี 2018 ยังไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ KBANK หรือ BBL ที่ (KBANK มีประเด็นลดระดับสำรองฯ ส่วน BBL มีประเด็นเพิ่มฐานรายได้ค่าธรรมเนียม) เพราะ SCB ยังมีการลงทุนระบบ Transformation program ซึ่งคาดว่าจะเกิดค่าใช้จ่ายสูงสุดในปี 2018 รวมไปถึงการตั้งสำรองฯที่ไม่น่าจะลดลงจากเดิมได้มากนัก เรายังชอบ KBANK หรือ BBL มากกว่าสำหรับการลงทุนในปี 2018
(0) MBAX แนวโน้มกำไร 3Q17 อาจต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม จากการหยุดซ่อมสายการผลิต และการควบคุมต้นทุนที่ไม่เป็นไปตามแผน โดยเราคาดที่ 15 ลบ. -21% Q-Q, -31% Y-Y ที่กำไรลงแรง Y-Y เพราะฐานสูงใน 3Q16 จากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เลื่อนจาก 2Q16 อย่างไรก็ตาม เราคาดกำไรจะกลับมาฟื้นตัวเร็วใน 4Q17 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มจาก 68% เป็น 80% และราคาวัตถุดิบที่ชะลอการปรับขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการจ่ายคืนนี้ เรายังคงประมาณการเดิมและปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 6.50 บาท แนะนำซื้อลงทุน จากปันผลที่สูง 7-8% ต่อปี
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 พ.ย.
|
- อังกฤษ: ประชุมธนาคารกลาง MPC
- ไทย: ผลประกอบการ 3Q17 ของ PTTEP IRPC และ ADVANC
- ไทย: TITLE เริ่มซื้อขายวันแรก ราคา IPO 2.20 บาท
|
3 พ.ย.
|
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (ต.ค.) และ ISM ภาคบริการ (ต.ค.)
|
7 พ.ย.
|
- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
|
8 พ.ย.
|
- จีน: ดุลการค้า
|
9 พ.ย.
|
- ไทย: ADB เริ่มซื้อขายวันแรก ราคา IPO 1.69 บาท
|
- (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดบวกขานรับผลประชุมเฟดที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และ แสดงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจทำให้นักลงทุนคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
- (+) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากนำโดยแรงซื้อในหุ้นเหมืองแร่ และ ยานยนต์ เนื่องจากได้แรงหนุนจากตัวเลข PMI จีน และ ตัวเลขยอดขายรถยนคต์ในสหรัฐ
- (0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมหลังผลประชุม FOMC คงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และ ส่งสัญญาณปรับขึ้นในเดือนหน้า ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาการเลือกประธานเฟดคนใหม่
- (0) ค่าเงินบาทเช้านี้ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆแถว 33.19-33.22 บาท/ดอลลาร์
- (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 0.08 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 54.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับลงเล็กน้อยโดยแม้ตัวเลขการผลิตน้ำมันสหรัฐ และ การส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้น แต่สต๊อกน้ำมันดิบ และ นำมันสำเร็จรูปที่ลดลงมากกว่าช่วยพยุงไม่ให้ราคาน้ำมันปรับลดลงมาก
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 6.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,277.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงซื้อเก็งกำไรก่อนผลประชุม FOMC ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาการเลือกประธานเฟดคนใหม่
ข่าวเด่น