ตลาดอาจกลับมากังวลนโยบายการเงินแบบตึงตัว 
  วานหุ้นไทยมีแรงขายในช่วงบ่ายหลัง SCC รางานผลการดำเนินซบเซา ขณะเดียวกันเราคาดว่านักลงทุนบางส่วนต้องการปิดความเสี่ยงก่อนการประชุม FOMC ทั้งนี้สื่อชั้นนำในสหรัฐฯ รายงานว่าประธานาธิปดีเตรียมแต่งตั้ง Jerome Powell ที่มีแนวคิดใช้มาตรการทางการเงินแบบผ่อนคลายเช่นกัน ขึ้นเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คนใหม่ แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกตลาดรับรู้ไปในระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยเดินหน้าต่อ รวมถึงอาจเห็นธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ตลาดอาจกลับมากังวลต่อนโยบายการเงินแบบตึงตัวอีกครั้ง และนักลงทุนอาจต้องเพิ่มความระวังต่อแรงขายโดยเฉพาะในหุ้นใหญ่ โดยคงกลยุทธ์ในการเลือกเก็งกำไรรายตัว 
Investment Theme 1) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 2) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTGC, IVL, IRPC 3) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ AMANAH*, AGE*, TMILL*, SGF*, BFIT*, PTL*, CHG*, TNR* , TIP*, CGD*, THE*, CHOW*, AP, SPALI
ภาพรวมกลยุทธ์: ตลาดแกว่งตัว โมเมนตัมยังคงเป็นบวกหากไม่ต่ำกว่า 1705 จุด ยังคงแนะนำเก็งกำไรเป็นในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) และกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัว  // หุ้นแนะนำ AGE*, MILL*, IVL
แนวรับ : 1705-1709 / แนวต้าน : 1722-1730 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับลงหลังสำรองน้ำมันสหรัฐเพิ่มขึ้น / ราคาโลหะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก PMI จีนและตัวเลขเศรษบกิจสหรัฐที่ดี / ราคาสินค้าเกษตรบวกลเกน้อย / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,496 จุด (-1.71%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 100 เหรียญต่อตัน (+0.10%)
อันดับทำธุรกิจไทยเพิ่มขึ้น – ธนาคารโลกจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือดูอิ้ง บิซิเนส 2018 ไทยได้อันดับที่ 26 ดีขึ้น 20 ลำดับจากครั้งที่ผ่านมาได้ลำดับที่ 46 จาก 190 ประเทศทั่วโลก
ต่างชาติถือหุ้นทำสถิติใหม่ - สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุนฯ เปิดเผยว่า ณ สิ้น ส.ค.60 นักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 4.78 ล้านล้าน เพิ่มขึ้นกว่า 7.6 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.93% จากสิ้นเดือน พ.ค. 59
ช็อปช่วยชาติ - สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังดำเนินการศึกษามาตรการช็อปช่วยชาติหากจะนำมาใช้อีกครั้ง โดยอาจขยายเวลาให้นานขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกทางจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มค้าไอทีและมือถือ อาทิ JMART*, IT*, SYNEX*, SIS*
เงินเฟ้อ - ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ต.ค. 2560 เท่ากับ 101.38 สูงขึ้น 0.86% เทียบกับ ต.ค. 2559 ซึ่งเป็นการสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และสูงขึ้น 0.16% เทียบกับ ก.ย. 2560 ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) 2560 เพิ่มขึ้นแล้ว 0.62% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
คลอดเกณฑ์ประมูล 900/1800 - กสทช.ออกโรดแมปประมูลคลื่นความถี่ 900 กับ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ขั้นต่ำ 3.7 หมื่นล้าน ต่อใบอนุญาต คาดเคาะราคา พ.ค. 2561 เพื่อเตรียมเปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานรายใหม่จากเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน วันที่ 15 ก.ย.2561

ประเด็นติดตาม: 2 พ.ย. – ประชุม BOE, ประกาศงบ ADVANC, PTTEP / 3 พ.ย. – ประกาศงบ IRPC, INTUCH, IRPC, SPCG, SPRC

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ปัจจัยที่ต้องติดตาม
02 พ.ย.:    UK – ประชุม BOE
                 US – ประกาศราชื่อประธานเฟดคนใหม่

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

• AGE (2.20) : คาดผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังยืนยันการผ่านจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 1/60 ไปแล้ว และดีขึ้นเป็นขั้นบันได้ การหยุดประกอบธุรกิจชั่วคราวของผู้เล่นรายใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดถ่านหินรายย่อยถึง 40% ทำให้ AGE ที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 ที้ 27% ได้ประโยชน์ โดยปริมาณขายถ่านหินเฉลี่ยไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้นถึง 30% QoQ และยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/60
• MILL* (2) : เราคาดบริษัทฟื้นตัว (turnaround) อย่างต่อเนื่อง และคาดผลการดำเนินงาน 2H60 เร่งตัวขึ้นจากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาเหล้กผ่านจุดต่ำสุดหลังอุปสงค์-อุปทาน มีความสมดุลมากขึ้น การผลิตเหล็กสำหรับยานยนต์ที่ Kobelco Millcon (ถือหุ้น 50%) จะทำให้ขาดทุนของบริษัทลูกพลิกเป็นกำไรในปี 2561 ราคายังต่ำกว่าการขอซื้อหุ้นโดยสมัครใจของผู้บริหารที่ 1.80 บาท
• IVL* (54) : คาดกำไรปกติไตรมาส 3/60 ออกมาดีมาก 4.5-4.6 พันล้านบาท สำรอง 1.3 พันล้านบาท ส่งผลกระทบไม่มากนัก การเลิกกิจการของ M&G ซึ่งเป็นลูกค้า PTA (กำไรต่ำ) แต่เป็นคาแข่งในธุรกิจ PET (กำไรสูง) โดยรวมแล้วทำให้ภาวะการแข่งขันลดลง และเป็นบวก
• หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: AMANAH*, AGE*, TMILL*, SGF*, BFIT*, PTL*, CHG*, TNR* , TIP*, CGD*, THE*, CHOW*, AP, SPALI (ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)