“เลือกซื้อ/ถือเหนือ 1700”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PRIN (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET เมื่อวานนี้ขยับขึ้น 1.01 จุดปิดที่ 1712.75 ตลาดรอข่าวใหม่ โดยเฉพาะรายงานกำไร 3Q60
สำหรับวันนี้ : ปัจจัยภายนอก – ตลาดกังวลว่าร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีสหรัฐอาจจะยากลำบากที่จะผ่านมติสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากมีผู้เสียประโยชน์คัดค้านเพราะร่างกฎหมายนี้จะยกเลิกการลดหย่อนหลายรายการ
ส่วนในประเทศ – กนง.ประชุมวันนี้ (8 พ.ย.) คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% ส่วนมาตรการชอปช่วยชาติครม.อนุมัติแล้วมีผลช่วง 17 พ.ย.-3 ธ.ค.60 โดยสามารถนำค่าซื้อสินค้า (ไม่รวมสุรา ยาสูบ ยานพาหนะ น้ำมัน & ก๊าซเติมยานพาหนะ และโรงแรม) มาลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท/คน ก.คลังประเมินว่ารายได้ภาษีรัฐจะหายไป 2 พันล้านบาท แต่ยอดขายสินค้าที่เพิ่มจะช่วยให้ GDP ปีนี้บวกเพิ่ม 0.05%
# KCE ประกาศกำไร 3Q60 แย่กว่าคาด (-24%YoY, -8%QoQ เป็น 612 ลบ.) ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 19% ซึ่งเป็นผลจากยอดขายรูป US$ โตเพียง 7% (จากที่คาดไว้ 13%) ต้นทุนวัตถุดิบทองแดงเพิ่ม 30%YoY ถูกกระทบจากบาทแข็ง...ระยะสั้นราคาหุ้นมีสิทธิร่วงลงก่อน
# ส่วนข่าวเด่นเป็นเรื่องที่ SIRI เซ็น MOU กับ PACE เพื่อทำ Due Diligence ภายใน 60 วันในการเข้าซื้อโครงการนิมิตหลังสวนและคอนโดมหานครที่เหลือ 53 ห้อง เรามองว่าถ้าสำเร็จจะเป็นบวกกับทั้ง SIRI ที่ได้โครงการมาขาย บันทึกรายได้และกำไรได้เร็ว, PACE ที่จะมีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น และ SCB ที่มีความเสี่ยงเรื่องการด้อยคุณภาพของลูกหนี้ลดลง เชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อเก็งกำไร SIRI, SCB
ปัจจัยที่ติดตาม คือ 1) การเดินทางเยือนเอเชียของทรัมป์ จับตาความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน รวมถึงประเด็นเรื่องเกาหลีเหนือ, 2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ย., 3) ดัชนี CPI เดือนต.ค.ของจีน, 4) PMI ภาคผลิต&บริการ, 5) ผลประชุมกนง.วันนี้ 6) รายงานกำไรบจ.
กลยุทธ์ : เน้นซื้อตามด้วยค่าบวก/หรืออ่อนที่แนวรับ สิ่งที่ควรระวัง คือ Sell on Fact หลังบจ.รายงานกำไร 3Q60 ออกมาตามคาด/แย่กว่าคาด ในทางเทคนิคให้แนวรับระยะสั้นของ SET ไว้ที่ 1690-1680 แนวต้าน 1720-1730 แนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 1700
หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (8-14 พ.ย.) คือ AOT, MCS ส่วน Top Picks ใน Wealth Perspective เดือนพ.ย. คือ AMATA, ERW, DIF, SPALI, TMB และ Dark Horse เป็น GOLD
ส่วนหุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ COM7, RJH, VGI, AJ, SPPT, WORK ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อเป็น SENA, TMB, TIP, BEM, QH, SUSCO, ASK, SQ, SYNEX, ASAP, AMATA, BR ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ CKP, BCH, IRPC หุ้นที่หลุด List เป็น BBL, PSH
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : แกว่งตัว...กังวลการปฎิรูปภาษี
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,557.23 จุด เพิ่มขึ้น 8.81 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,590.64 จุด ลดลง 0.49 จุด หรือ -0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,767.78 จุด ลดลง 18.65 จุด หรือ -0.27%
# นักลงทุนวิตกว่าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีพรรครีพับลิกันอาจจะเผชิญกับความยากลำบากในการผ่านมติสภาผู้แทนราษฎร และอาจถูกขัดขวางจากกลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์ เนื่องจากร่างฯฉบับนี้มีแนวโน้มที่จะยกเลิกการลดย่อนภาษีหลายรายการ
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลงเล็กน้อยจากแรงขายกำไร
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 57.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 63.69 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการขายทำกำไร
# จับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ อาจจะมีข้อสรุปเรื่องการขยายเวลาลดการผลิตไปเป็นสิ้นปีหน้า
- ภาวะตลาดทองคำ : เงินดอลล์แข็งฉุดราคา
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ระดับ 1,275.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่น
• PACE-SIRI : เซ็น MOU เจรจาซื้อขายนิมิตหลังสวนทั้งโครงการ & ห้องชุดที่เหลือ 53 ห้องในโครงการมหานคร
# PACE แจ้งตลาดว่าเมื่อ 7 พ.ย.60 บริษัทและบริษัทย่อยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ SIRI เพื่อการเจรจาซื้อขายโครงการนิมิตหลังสวน (ทั้งโครงการ) และห้องชุดที่พักอาศัยในโครงการเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซสบางกอก ส่วนที่เหลือทั้งหมด (จำนวน 53 ห้องชุด) ในโครงการอาคารชุดมหานคร โดย SIRI จะเข้าไปทำ Due Diligence ในระยะเวลาไม่เกิน 60 วันหลังลงนามใน MOU
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV : ถ้าการซื้อขายสำเร็จจะเป็นบวกกับทั้ง SIRI, PACE และ SCB โดยในส่วนของ SIRI ก็จะได้โครงการที่ดีอย่างนิมิตหลังสวน ซึ่งมียอดขายไปแล้วราว 90% รวมทั้งได้ห้องโครงการมหานครอีก 53 ห้องมาขาย ซึ่งทั้งสองโครงการจะบันทึกรายได้ & กำไรได้เร็วกว่าลงทุนเอง โดยคาดว่ามูลค่าโครงการที่ซื้อจะเข้ามาประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาท ถือว่ามีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ Backlog ที่ SIRI มีอยู่ในสิ้นต.ค.60 ที่ราว 4 หมื่นล้านบาท ด้าน PACE ก็จะมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น ขณะที่ SCB ซึ่งเป็นธนาคารหลักของ PACE ก็มีความเสี่ยงเรื่องการด้อยค่าของลูกหนี้ลดลงไปด้วย
ข่าวเด่น