กลยุทธ์วันนี้ >> เลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีในช่วงลบ
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ได้ตามคาดในช่วงเช้า โดยเริ่มมีแรงขายออกมาตั้งแต่ช่วงก่อนปิดตลาดเที่ยงและร่วงลงต่อในช่วงบ่าย แรงขายที่ออกมาอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ซึ่งสอดคล้องกับสถานะของนักลงทุนต่างชาติที่พลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่น 1,731 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศขายสุทธิเช่นกันอีก 1,048 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัวในแดนลบลงมาทดสอบระดับ 1,695-1,700 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส โดยได้รับแรงกดดันจากฝั่งสหรัฐฯหลังสว.พรรครีพับลิกันเปิดเผยรายละเอียดของร่วงกฎหมายปฏิรูปภาษีซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างจากจากฉบับที่ผ่านโดยคณะกรรมาธิการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ อย่างไรก็ตามเรายังมองการปรับลงเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี โดยยังคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจที่จะเร่งตัวขึ้นในอนาคตจากมาตรการกระตุ้นและโครงการลงทุนภาครัฐที่เร่งตัว
กลยุทธ์ : เลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีในช่วงลบ
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$268ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$113ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$52ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$17ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคกังวลต่อแผนการปรับลดภาษีนิติบุคคลของสหรัฐที่อาจล่าช้า ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศออกมาเกือบครบแล้ว จึงมีแรงขายทำกำไร
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SYNEX <<
- กำไรของกลุ่มซื้อขายสินค้าไอทีออกมาเกือบหมดแล้ว เหลือเพียง SYNEX ที่เป็น Supplier ต้นน้ำ เราคาดว่าจะออกมาโดดเด่นไม่แพ้กัน +13% Q-Q, +57% Y-Y อยู่ที่ 170 ลบ. ซึ่งนอกจากจะได้แรงหนุนจากบิทคอยน์และสมาร์ทโฟนแล้ว ไตรมาสนี้ยังเริ่มรับรู้รายได้จาก บัฟ (ประเทศไทย) ด้วย (งบออก 13 พ.ย.)
- แนวโน้มกำไร 4Q17 คาดว่ายังโดดเด่นต่อเนื่อง จากแรงหนุนของมาตรการช้อปช่วยชาติ เราคาดกำไรปีนี้ 584 ลบ. +43% Y-Y และปีหน้า 660 ลบ. +13% Y-Y
- ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 ที่ 19 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าไอทีที่ 25 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 20 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) RSP เข้าซื้อขายวันแรก ราคา IPO 5.80 บาท จำนวน 200 ล้านหุ้น RSP ได้รับสิทธิเพียงรายเดียวสำหรับการขายสินค้า Converse ความสามารถในการทำกำไร 3 ปีที่ผ่านมาโดดเด่นกว่ากลุ่มค้าปลีกอย่างมาก ขณะที่ การเพิ่มแบรนด์ Pony นอกจากช่วยลดความเสี่ยงแล้ว ยังช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เราคาดกำไรสุทธิปี 2018 +27% Y-Y ส่วนหนึ่งมาจากฐานต่ำในปี 2017 ส่วนปี 2018 – 2020 คาดโตเฉลี่ยปีละ 17% CAGR ประเมินราคาเป้าหมายปี 2018 ไว้ที่ 9.5 บาท (FSS เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ RSP)
(+) MTLS รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 650 ลบ. +14% Q-Q, +62% Y-Y ดีกว่าที่เราและตลาดคาดเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่ลดลง 15% Q-Q แต่ +120% Y-Y ซึ่งเกิดจาก Coverage ratio ของบริษัทที่สูงขึ้น และ NPL อยู่ในระดับทรงตัวที่ 1.17% ของสินเชื่อรวม สินเชื่อเพิ่มขึ้น +10% Q-Q, +37% YTD โดยมียอดปล่อยสินเชื่อที่ยังทำระดับสูงสุดที่ 1.53 หมื่นลบ. +8% Q-Q และ +32% YTD เรามีแนวโน้มปรับเพิ่มกำไรปี 2017-2018 ขึ้น ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 45 บาท แนะนำซื้อ
(+) BEM กำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 940 ลบ. +30% Q-Q, +16% Y-Y เป็นสถิติสูงสุดใหม่ จากส่วนแบ่งกำไรจากทั้ง CKP และ TTW ที่ดีกว่าคาด แนวโน้มกำไร 4Q17 จะชะลอ Q-Q ตามดูกาล แต่ยังโตแรง Y-Y จากผลบวกของการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงและน้ำเงินเต็มไตรมาส รวมถึงค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงตามการขยายอายุสัมปทาน เราคาดกำไรปีนี +21% Y-Y และปีหน้า +18% Y-Y ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 10 บาท
(+) BH กำไรปกติ 3Q17 ตามคาดที่ 1,056 ลบ. +10% Q-Q, +9% Y-Y รายได้เติบโตในอัตราเร่ง 9% Q-Q, 6% Y-Y โดยมีสัญญาณที่ดีคือ รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติโตถึง 9% Y-Y ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีมาก แนวโน้มกำไร 4Q17 คาดอ่อนตัว Q-Q จากปัจจัยฤดูกาล แต่เชื่อว่าจะยังโตดี Y-Y เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2017-2018 โต 7% Y-Y และ 9% Y-Y คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 245 บาท
(0) ILINK – ITEL กำไร 3Q17 ของ ITEL ออกมาตามคาด ส่วน ILINK ต่ำกว่าคาด จากอัตรากำไรขั้นต้นงานรับเหมาของทั้ง ILINK และ ITEL ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันประมูลงานที่สูงขึ้น เราคาดกำไร 4Q17 ของทั้งคู่จะขยายตัวได้ดีทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะ ITEL เริ่มรับรู้รายได้เน็ตชายขอบเต็มที่ และ ILINK จะเริ่มรับรู้งาน APM ของสุวรรณภูมิเฟส 2 คงประมาณการและคงคำแนะนำซื้อ โดย ITEL ปรับใช้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 7.70 บาท ส่วน ILNK ยังอยู่ที่ 22.30 บาท ตอนนี้เราเริ่มชอบ ILINK มากกว่า จากธุรกิจสายสัญญาณที่ชะลอการปรับลงและ Valuation ที่ไม่แพง
(+) AAV กำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 261 ลบ. +53% Q-Q จากปัจจัยฤดูกาลและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แต่ -34% Y-Y จากค่าโดยสารเฉลี่ยต่อคนที่ลดลง แนวโน้มกำไร 4Q17 ถึง 1Q18 คาดโตต่อเนื่องเพราะเป็น High Season ของการท่องเที่ยว และได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากมาตรการช้อปช่วยชาติ ขณะที่ การปรับขึ้นของราคาน้ำมันไม่กระทบกำไรมากนัก เพราะ Hedge ล่วงหน้า 1 ปีราว 77% คงคาดกำไรสุทธิปีนี้ -16% Y-Y ก่อนจะกลับมา +12% Y-Y แนะนำซื้อในฐานะ Top Pick ของกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 พ.ย.
|
- ไทย: RSP เริ่มซื้อขายวันแรก ราคา IPO 5.80 บาท
|
14 พ.ย.
|
- จีน: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก (ต.ค. 17)
|
15 พ.ย.
|
- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีกและอัตราเงินเฟ้อ (ต.ค. 17)
|
- (-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลว่ามาตราการภาษีของทรัมป์อาจเลื่อนออกไปอีก 1 ปี
- (-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากการประกาศผลประกอบการที่ไม่สดใสนัก รวมถึงได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐ
- (-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบตามทิศทางตลาดโลก โดยบรรยากาศการลงทุนถูกกดดันจากความกังวลต่อมาตราการภาษีของสหรัฐอาจมีการชะลอออกไป
- (0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัว sideway ในกรอบแคบๆแถว 33.06-33.08 บาท/ดอลลาร์
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 0.36 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 57.17 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังซาอุระบุว่าจะปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบเดือนธ.ค.ลง 1.2 แสนบาร์เรล/วัน นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังมีปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การเมืองระหว่างซาอุและอิหร่าน
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 3.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,287.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อน และ ตลาดหุ้นที่ขยับลงจากความไม่แน่นอนของมาตราการภาษีของสหรัฐ
ข่าวเด่น