Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายทำกำไรสูง โดยหุ้นใหญ่หลายตัวโดนแรงขาย นำโดย AOT, PTTGC, PTT และ CPALL ในขณะที่ SSP ปรับตัวลงแรงกว่า 10% ภายหลังประกาศงบไตรมาส 3 ต่ำลงอย่างมีนัยยะ โดย RSP เข้าซื้อขายในตลาดวันแรก ปิดที่ราคา 8.05 บาท (+38.7%) ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,689.2 จุด (-13.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.5 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 2,727 ลบ.และยังคง Short สุทธิ SET50 Index Future สูงกว่า 6,310 สัญญา (17 วันทำการที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิตลาดหุ้นไทยสูงกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท)
Investment theme
หุ้นใหญ่ใน SET50 พักฐาน ส่งผลให้ในระยะสั้น SET เริ่มมี Upside จำกัด : สัปดาห์นี้เราคาดตลาดหุ้นทั้งในและต่างประเทศจะแกว่งตัวตามผลประกอบการ โดยเราคาด SET จะแกว่งตามการรายงานผลประกอบการของหุ้นใน SET50 (คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของมูลค่าหลักทรัพย์ทั้งหมด) โดยนับจากการรายงานผลประกอบการตั้งแต่เดือนตุลาคม (กลุ่มธนาคาร) จนถึงวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่าหุ้นใน SET50 รายงานผลประกอบการไปแล้วประมาณ 56% ซึ่งส่วนน้อยที่รายงานผลประกอบการดีกว่าคาด ในขณะที่บางบริษัทฯที่รายงานผลประกอบการดี แต่ราคาหุ้นไม่ตอบรับ สาเหตุจากณ.ปัจจุบันราคาหุ้นได้สะท้อนผลประกอบการไปบางส่วนแล้ว นั่นแสดงให้เห็นถึง Upside ที่จำกัดของ SET ในเดือนพฤศจิกายน สำหรับวันนี้ติดตามการรายงานผลประกอบการหุ้นใหญ่อย่าง PTT, CPALL ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางดัชนี
Investment theme: เราแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น, โรงไฟฟ้า ในขณะที่หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่ม ICT โดยเราคาด SET จะแกว่งตัวบริเวณ 1,680-1,720 จุด
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา อังกฤษรายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสูงกว่าคาดที่ 2.7% / จับตาปัญหาเอทานอลล้นตลาดไทย / มาตราการช็อปช่วยชาติเริ่มแล้ว (11 พ.ย.-3 ธ.ค.) / World bank คาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจที่ 3.5% เติบโตต่ำเมื่อเทียบกับประเทศใน Asean /
บทวิเคราะห์วันนี้ : BANPU, AP, MAJOR,STEC, SYNTEC, TMT, SIRI, APCO, WINNER
Stock pick : SYNTEC
SYNTEC : ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท /หุ้น
บริษัทฯรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ใกล้เคียงกับคาดที่ 253 ล้านบาท แต่ถ้าหากตัดรายการพิเศษคดีจากการฟ้องร้อง 25 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่โตเด่น 277 ล้านบาท (+2%QoQ, +4%YoY) โดย GPM(%) ยังอยู่ในระดับสูง 20.2% จากการบริหารจัดการต้นทุนได้ดี
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E ที่ต่ำเพียง 10.2 เท่า ในขณะที่มีอัพไซด์ที่กำไรจะเพิ่มอีก 30% จากการแบ่งขาย โครงการ Eight Thonglor เราคงคำแนะนำ TRADING BUY ประเมินราคาเป้าหมาย 6.50 บาท บนฐาน Forward P/E + 1SD = 13 เท่า
2 วันที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับลงกว่า 10% มาทดสอบบริเวณแนวรับแรกบริเวณเส้น 75 วัน ที่ 5.65 บาท คาดมีโอกาสเกิด Technical rebound
Trading idea – – Stock pick สัปดาห์นี้ (BDMS, WICE, SPALI) / เก็งกำไร AMATAV คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด และจะเติบโตในปี 61/62
Technical View
ที่ Neckline 1675 ควรหยุดลง: ภาพหลักภายหลังดัชนีหลุดแนวรับเส้น Uptrend Line ระยะยาว ทำให้มีโอกาสฟอร์มการกลับตัวลงแบบ Double Top ซึ่งรูปแบบดังกล่าวจะคอนเฟิร์มเมื่อหลุดแนวรับ Neckline ที่ 1675 ระยะสั้นคาดว่าดัชนีจะปรับตัวลงทดสอบแนวรับดังกล่าว และคาดว่าดัชนีจะเริ่มหยุดลงและแกว่งออกข้าง เนื่องจากขณะนี้ Slow Stochastic ใกล้เข้าเขต Ovesold กลยุทธ์การลงุทุน (1) มีหุ้น: ต้องลดพอร์ตหรือ Stop Loss หลังหลุด 1700 ตามคำแนะนำก่อนหน้า (2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับ 1675
แนวรับ : 1685, 1675 แนวต้าน : 1695, 1700
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : การประชุม Asean 13-14 พ.ย. / 14 พ.ย. อังกฤษรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. , ยุโรปรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3 และ ญี่ปุ่นรายงานตัวเลข GDP / สหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ วันที่ 15 พ.ย.
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการปรับครม. / Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้
หุ้นเทคนิค:
PTT (B 410.00, Tp 420.00//428.00, Cut 406.00)
BEM (B 7.85, Tp 8.25, Cut 7.75)
ข่าวเด่น