รายงานข่าวจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า วานนี้ (14 พ.ย.60) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ  ปิดที่ 23,409.47 จุด ลดลง 30.23 จุด หรือ -0.13% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,578.87 จุด ลดลง 5.97 จุด หรือ -0.23% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,737.87 จุด ลดลง 19.72 จุด หรือ -0.29%

           - หุ้นกลุ่มพลังงานเจอแรงเทขายหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กลงเกือบ 2% เมื่อคืนนี้ ภายหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันราว 100,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และปีหน้า สู่ระดับ 1.5 ล้านบาร์เรล/วัน และ 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน ตามลำดับ
       - นักลงทุนวิตกกังวลที่ว่า การบังคับกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเป็นไปอย่างล่าช้า หลังจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562   
       - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาในภาคบริการ ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้เพิ่มขึ้น 0.2% เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน