คำแนะนำ
เน้นเก็งกำไรในกรอบ 1,288-1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยเปิดสถานะซื้อในโซน 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,266 1,254 1,245
แนวต้าน 1,285 1,293 1,300
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังสกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นขานรับการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ประจำไตรมาส 3 ของเยอรมนีที่ขยายตัวเกินคาดที่ระดับ 0.8% ส่งผลให้สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้น 1.11% สู่ระดับ 1.1794 ดอลลาร์และเป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์มากที่สุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์นับตั้งวันที่ 27 มิ.ย. นอกจากนี้การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐทั้งดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq จากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกด้วย อย่างไรก็ดีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาดที่ระดับ 0.4% ในเดือนต.ค.ซึ่งจะสนับสนุนการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเป็นปัจจัยที่สกัดช่วงบวกของราคาทองคำไว้เช่นกัน ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI), ยอดค้าปลีกและดัชนีภาคการผลิตรัฐนิวยอร์กของสหรัฐในคืนวันนี้เพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้นำทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,285-1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากครั้งที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
รอจังหวะการเปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และตัดขาดทุนหากหลุด 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา และสำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะซื้ออยู่ แนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,285-1,288 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป
ข่าวเด่น