กลยุทธ์วันนี้ >> ซื้อหุ้นพื้นฐานในช่วงอ่อนตัวและเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 3Q17 ดีกว่าคาด
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดตลาดทรงตัวก่อนที่จะปรับตัวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดย ณ สิ้นวันดัชนีปิดบวกถึง 15.58 จุดและยืนเหนือระดับ 1,700 จุดได้อีกครั้งซึ่งดีกว่าที่เราประเมินมาก ส่วนหนึ่งคาดว่าเกิดจาก MSCI ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย สถาบันในประเทศวานนี้ยังซื้อสุทธิอีกราว 1,400 ลบ. ซึ่งคาดว่าเกิดจากเม็ดเงิน LTF/RMF ในช่วงปลายปี ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 อีก 1,241 ลบ.จากทิศทางกระแสเงินทุนที่ยังไหลออก
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังอ่อนตัวลงหลุดระดับ 1,700 จุดระหว่างวันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนักหลังญี่ปุ่นรายงาน GDP 3Q17 ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบวานนี้ปรับตัวลงเกือบ 2% ซึ่งกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามจากกำไรบริษัทจดทะเบียน 3Q17 โดยรวมที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้เรายังยังเชื่อมั่นต่อการเติบโตที่ยังต่อเนื่องใน 4Q17 และปี 2018 เรายังมองจังหวะที่ตลาดอ่อนตัวเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานดี ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีกำไรดีกว่าคาดน่าจะ Outperform ตลาดได้ในระยะนี้
กลยุทธ์ : ซื้อหุ้นพื้นฐานดีในจังหวะอ่อนตัวและเก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 3Q17 ดีกว่าคาด
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CPALL, CPN, EKH, MINT, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$7ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$60ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$53ล้าน และไทย US$38ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลต่อความล่าช้าของแผนปฏิรูปภาษีสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MODERN <<
- กำไรสุทธิ 3Q17 ออกมาดีกว่าคาดและดีสุดในรอบ 7 ไตรมาสที่ 93 ลบ. +333% Q-Q, +182% Y-Y ตามการฟื้นตัวของตลาดเฟอร์นิเจอร์โดยเฉพาะภาคราชการที่ MODERN กำลังรุกมากขึ้น
- แนวโน้ม 4Q17 ยังโตต่อเนื่อง เพราะเฟอร์นิเจอร์บ้านได้แรงหนุนจากช้อปช่วยชาติ และโมเดิร์นฟอร์มแฮลท์แอนด์แคร์ที่มี Backlog เหลือ 400 ลบ. จะรับรู้งานมากขึ้น
- แรงหนุนระยะยาวคือ โมเดิร์นฟอร์มแฮลท์แอนด์แคร์กำลังมีโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็งเป็นของตัวเองในปีหน้า ทำให้มูลค่าแฝงใน MODERN ที่เราเคยประเมินไว้ 2.40 บาท/หุ้น อาจต่ำเกินไป
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 6.80 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ราคาน้ำมันดิบ -2% จาก IEA ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันปี 2017-2018 ลง และ มีแรงกดดันตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาแย่กว่าคาด เป็นลบต่อกลุ่มพลังงานวันนี้ แต่อาจไม่ปรับลงมากเพราะมีปัจจัยหนุนรายตัวจากประเด็นเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของ MSCI (PTTGC TOP IVL) ส่วนกลุ่มทีได้ประโยชน์ เช่น ขนส่งและโลจิสติกส์
(+) กำไรปกติ 3Q17 อยู่ในเกณฑ์ดี +19% Q-Q, +20% Y-Y ทั้งที่เป็น Low Season ของหลายธุรกิจ โดยเฉพาะ Non-Banks ที่กำไรปกติโตได้ดีมาก +25% Q-Q, +33% Y-Y กลุ่มที่น่าประทับใจคือ ค้าปลีกและโรงแรม (ที่ปรับเป้าขึ้น CPALL ROBINS BEAUTY IT ที่ปรับลง KAMART) กลุ่มที่กำไรแย่กว่าคาดคือ เครื่องดื่ม โรงไฟฟ้า รับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ผลจากการปรับประมาณการปี 2018 ขึ้นของนักวิเคราะห์ ทำให้กำไรปกติ +11% Y-Y จากเดิม +9.8% Y-Y PE2018 ของตลาดอยู่ที่ 14.5 เท่า ต่ำกว่า Target PE ของเราที่ 17 เท่า และ PEG ยังใกล้เคียงภูมิภาคที่ 1.3 เท่า เรายังคงเป้าดัชนีปีหน้าที่ 1,900 จุด
(0) BCP กำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 1.3 พันลบ. +33% Q-Q, +12% Y-Y ต่ำกว่าคาดเพราะมีตั้งด้อยค่าใน E&P หากหักออก กำไรปกติอยู่ที่ 1.46 พันลบ. +11% Q-Q, +43%Y-Y จากค่าการกลั่นที่สูงขึ้น มีกำไรจากสต็อกน้ำมัน และธุรกิจไฟฟ้ารวมถึงผลิตภัณฑ์ชีวภาพมีผลประกอบการดีขึ้น แนวโน้ม 4Q17 คาดชะลอตัวตามค่าการกลั่น จึงยังคงกำไรปีนี้ 5.5 พันลบ. +45% Y-Y แต่ปรับปีหน้าขึ้น 6% เป็น +4% Y-Y แนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 41 บาท
(0) TRUE ขาดทุนสุทธิ 691 ลบ. หากตัดรายการพิเศษออก จะขาดทุนปกติ 1,160 ลบ. ใกล้เคียง 2Q17 แต่ดีขึ้นจากขาดทุน 2,469 ลบ. Net Add ในส่วนของ True Mobile ยังเพิ่มอีก 5 แสนราย หนุน Market Share เพิ่มเป็น 26.5% ส่วนฝั่งต้นทุนควบคุมได้ดีทั้งค่าโครงข่ายและ SG&A เราปรับประมาณการขึ้นจากการรวมการขายสินทรัพย์เข้า DIF ทำให้คาดพลิกมามีกำไรสุทธิ 3 พันลบ.ในปีนี้ และ 2.4 หมื่นลบ.ในปีหน้า ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 6.50 บาท แนะนำซื้อเก็งกำไร
(0) SEAFCO กำไรสุทธิ 3Q17 ตามคาดที่ 45 ลบ. +18% Q-Q, +256% Y-Y จากทั้งปัจจัยฤดูกาลและฐานที่ต่ำในปีก่อน แนวโน้ม 4Q17 คาดเร่งตัวขึ้นจากการทยอยรับรู้งานใหม่ คงกำไรปีนี้ที่ 212 ลบ. +36% Y-Y และปีหน้า 282 ลบ. +33% Y-Y จากการรับรู้งานในมือที่มีกว่า 2.5 พันลบ. และได้งานเพิ่มตามการฟื้นตัวของการก่อสร้างอีกมาก แต่ราคาปรับขึ้นมาเร็วจนเต็มมูลค่าที่ 9.65 บาท จึงแนะนำถือ
(+) K 3Q17 ขาดทุนลดลงเหลือ 24 ลบ. จาก -40 ลบ. ใน 2Q17 รายได้เพิ่มแต่มีรับรู้ผลขาดทุนจากงานขององค์กรกึ่งรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง (เพื่อเปิดทางให้ได้รับงานมากขึ้นในอนาคต) แนวโน้ม 4Q17 คาดมีกำไรสูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมาที่ 30-35 ลบ. เพราะเป็น High Season ของงานแสดงสินค้าและอีเว้นท์ที่ K ถนัดและอัตรากำไรดี โดยเฉพาะมอเตอร์เอ็กซ์โปที่งบประมาณมากกว่าปีก่อน ตามการฟื้นตัวของกลุ่มยานยนต์ เราคาดปีหน้าพลิกมามีกำไร 57 ลบ. เพราะงาน Shop Brand เริ่มขึ้น แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15 พ.ย.
|
- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีกและอัตราเงินเฟ้อ (ต.ค. 17)
|
16 พ.ย.
|
- สหรัฐฯ: ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
|
17 พ.ย.
|
- ยูโรโซน: ถ้อยแถลงของประธาน ECB
- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่
|
23 พ.ย.
|
- ไทย: THMUI เริ่มซื้อขายวันแรก
|
- (-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดลบจากแรงเทขายกลุ่มพลังงานเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลง 2% ขณะที่นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อมาตราการภาษีของทรัมป์
- (-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากแรงขายนำโดยกลุ่มเหมืองแร่เนื่องจากข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ของจีนขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากกลุ่มส่งออกเนื่องจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่า
- (-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบตามทิศทางตลาดโลกนำโดยกลุ่มพลังงานที่ถูกกดันตามการดิ่งลงของราคาน้ำมัน
- (0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัว sideway ในกรอบแคบๆแถว 33.02-33.05 บาท/ดอลลาร์
- (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 1.06 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 55.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IEA ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันปี 2017-2018 ลง 0.1 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่อุปทานนอกกลุ่มโอเปกยังมีการเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดน้ำมันน่าจะกลับสู่ภาวะล้นตลาดอีกครั้งช่วง 1H18 นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาแย่กว่าคาด
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดบวก 4.00 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,282.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับของมาตราการภาษีทรัมป์
ข่าวเด่น