สภาวะตลาดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,274.91-1,279.56 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,000 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,100 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ17 อยู่ที่ 20,080 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,190 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.37น. ของวันที่ 16/11/60)
แนวโน้มวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560
ราคาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นส่งผลให้อัตราผลตอบพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเผชิญกับแรงกดดัน จนหนุนราคาทองคำเนื่องจากแผนภาษีของวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันของสหรัฐได้รับคำตำหนิจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันสองคน ซึ่งบ่งชี้ว่าแผนภาษีนี้จะเผชิญกับความยุ่งยาก เพราะว่าพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ในสัดส่วนเพียง 52 ต่อ 48 เสียง ซึ่งหากมีวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันมากกว่า 2 คนคัดค้านแผนภาษีนี้ แผนภาษีนี้ก็จะไม่ผ่านวุฒิสภา อย่างไรก็ตามทองคำกลับมาได้รับแรงกดดันจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐเพิ่มขึ้นและยอดค้าปลีกในเดือนต.ค.สนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า โดยเฟดมีกำหนดการประชุมนโยบายครั้งต่อไปวันที่ 12-13 ธ.ค. ทั้งนื้ นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน ได้กล่าวสนับสนุน เฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอัตราว่างงานน่าจะปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำกว่า 4% จนก่อให้เกิดความจำเป็นในการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ที่ระหว่างวันเงินบาทแข็งค่าไปแตะที่ระดับ 32.99 ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 30 เดือน นับจากสิ้นเดือนเม.ย. 2558 โดยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นผลจากปัจจัยภายนอก ในเรื่องความไม่แน่นอนของแผนปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ซึ่งกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง โดยการแข็งค่าของเงินบาทเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินภูมิภาค ปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาทองคำในประเทศ ทั้งนี้ในระยะสั้นหากราคาทองคำไม่สามารถผ่าแนวต้านในบริเวณ 1,289-1,293 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ อาจเกิดแรงขายกดดันราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นแนะนำนักลงทุนเก็งกำไรในกรอบเพื่อหาจังหวะทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไป และนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบเพื่อสร้างฐานของราคา โดยราคาทองคำมีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นไปได้ แต่จะขึ้นไปได้มากเพียงใด ขึ้นอยู่กับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในขณะนั้นเป็นสำคัญ โดยหากราคาทองคำดีดตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,289-1,293 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือไม่สามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ราคาทองคำอาจมีย่อตัวลงมา โดยประเมินแนวรับที่ 1,271-1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งบริเวณดังกล่าวนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สามารถทยอยสะสมบางส่วน หรือ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงน้อยยังคงแนะนำลงทุนระยะสั้นโดยให้รอจังหวะเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,271 (19,800บาท) 1,260 (19,650บาท) 1,251 (19,500บาท)
แนวต้าน 1,293 (20,200บาท) 1,300 (20,300บาท) 1,307 (20,400บาท)
GOLD FUTURES (GFZ17)
แนวรับ 1,271 (19,970บาท) 1,260 (19,800บาท) 1,251 (19,660บาท)
แนวต้าน 1,293 (20,320บาท) 1,300 (20,430บาท) 1,307 (20,540บาท)
ข่าวเด่น