ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความเชื่อมั่นว่ากลุ่มโอเปกจะขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมัน
+ ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 2 หลังซาอุดิอาระเบียส่งสัญญาณว่า โอเปกมีแนวโน้มที่จะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไป และการหยุดดำเนินการของท่อขนส่งน้ำมัน Keystone
+ รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบีย เผยว่าหากไม่มีการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไป
ตลาดจะยังเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาดไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค. 61 และมองว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังยังคงจะไม่สามารถปรับลดลงสู่ระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี ตามที่กลุ่มโอเปกตั้งเป้าหมายไว้
+ ท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone จากแหล่งน้ำมันดิบในแคนาดามายังสหรัฐฯ กำลังการขนส่ง 590,000 บาร์เรลต่อวัน หยุดดำเนินการ หลังพบการรั่วไหลที่รัฐ South Dakota ของสหรัฐฯ ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบที่ขนส่งมายังจุดส่งมอบน้ำมันคุชชิ่ง โอกลาฮามา มีแนวโน้มปรับตัวลดลง
+ ผู้จัดการกองทุนมีปริมาณการถือครองสัญญาน้ำมันดิบ WTI ในตลาดซื้อขาย NYMEX สุทธิ (Net Long Position)สัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 14 พ.ย. 60 ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่เก้า มาอยู่ที่ 413,359 สัญญา แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.
+/- Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 17 พ.ย. 60 ทรงตัวอยู่ที่ 738 แท่น
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์จากอินโดนีเซีย อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากกแรงซื้อจากเวียดนาม ประกอบกับอุปทานที่ปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นในออสเตรเลียหยุดดำเนินการผลิตกระทันหันหลังระบบไฟฟ้าขัดข้อง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
การขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกมีความเป็นไปได้มากขึ้น หลังยังไม่มีประเทศใดคัดค้านข้อตกลงนี้ นอกจากนี้เลขาธิการกลุ่มโอเปก เผยว่า โอเปกกำลังหาทางบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตให้ได้ก่อนการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว
สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบจะตึงตัวมากขึ้น จากเหตุการณ์การกวาดล้างคอรัปชั่นภายใต้การนาของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎหราชกุมารของซาอุดิอาระเบีย เหตุการณ์ดังกล่าวนับปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการเมืองในซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับขึ้นหลักๆ มาจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยล่าสุดสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการณ์กำลังการผลิตน้ำมันดิบจาก Shale oil ในเดือน ธ.ค. มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 80,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 6.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ดัชนีและราคาที่สำคัญ
ข่าวเด่น