สภาวะตลาดวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,289.76-1,294.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,050 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,100 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ17 อยู่ที่ 20,140 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 80 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,060 บาท

  (หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.02 น. ของวันที่ 20/11/60)

แนวโน้มวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560
  ผลสำรวจของรอยเตอร์ยังบ่งชี้ว่า เกือบ 2 ใน 3 ของจำนวนนักเศรษฐศาสตร์มากกว่า 60 คนที่ได้รับการสำรวจ ระบุว่า พวกเขาไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะสามารถผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษีได้ภายในปี 2560 ความไม่แน่ใจเกี่ยวกับแนวโน้มการปฏิรูปภาษีของสหรัฐกระตุ้นแรงซื้อทองคำ ทั้งนี้ นายเจฟ เฟลค วุฒิสมาชิกจะคัดค้านร่างกฎหมายภาษีของพรรครีพับลิกัน แต่สำนักงานของนายเฟลคระบุว่า เขายังไม่ได้ตัดสินใจ ซึ่งนักลงทุนมุ่งจุดสนใจไปที่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันแต่ละคนจะตัดสินผ่านความเห็นชอบหรือไม่ ขณะที่การสอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงเลือกตั้งกำลังถูกจับตามากขึ้น เมื่อนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษผู้รับผิดชอบคดี เตรียมสอบสวน นางสาวโฮป ฮิคส์ ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารประจำทำเนียบขาว ซึ่งเป็นที่ปรึกษารายหนึ่งของปธน.ทรัมป์ อย่างไรก็ตามทองคำถูกขายทำกำไรออกมาหลังจากดัชนีดอลลาร์กลับมาแข็งค่า เนื่องจากสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง เพราะเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนี เมื่อความพยายามของนายกรัฐมนตรีแองเจา เมอร์เคลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม 3 ฝ่ายนั้นประสบความล้มเหลว ประกอบกับ โกลด์แมน แซคส์ คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งในปี 2561 และอัตราว่างงานต่ำกว่าระดับที่เจ้าหน้าที่เฟดมองว่าเป็นระดับที่ยั่งยืนแล้ว และภาพรวมภาวะเงินเฟ้อที่เป็นปกติมากขึ้น จะเป็นปัจจัยให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีหน้า โดยสูงกว่าผลสำรวจของรอยเตอร์ในช่วงก่อนหน้าที่พบว่า ธนาคารชั้นนำของวอลล์สตรีทคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าหากราคาทองคำยืนเหนือแนวรับอย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำยังมีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แต่หากยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้อย่างมั่นคง นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายและการย่อตัวของราคาทองคำ

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยังพยายามทดสอบแนวต้านที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้น ยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนให้เน้นไปที่การเข้าซื้อเก็งกำไร ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,281 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทองคำแท่ง (96.50%) 
แนวรับ            1,281 (19,850บาท)         1,274 (19,700บาท)             1,266 (19,600บาท)
แนวต้าน          1,300 (20,150บาท)         1,307 (20,250บาท)             1,319 (20,450บาท)             
  
GOLD FUTURES (GFZ17)
แนวรับ            1,281 (19,980บาท)         1,274 (19,870บาท)             1,266 (19,750บาท)
แนวต้าน          1,300 (20,280บาท)         1,307 (20,390บาท)             1,319 (20,580บาท)