คำแนะนำ
เสี่ยงซื้อในบริเวณ 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ควรพิจารณาการแกว่งตัวของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,274 1,266 1,254
แนวต้าน 1,290 1,300 1,307
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 17.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังจากสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงแรงอันเนื่องมาจากการที่พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) ของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ประสบกับความล้มเหลวในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม 3 ฝ่าย ซึ่งประกอบไปด้วยพรรคอนุรักษ์นิยม (CDU/CSU), พรรค FDP และพรรคกรีน (Green Party) ภายใต้กรอบความร่วมมือใหม่ที่มีชื่อว่า "กรอบความร่วมมือจาไมก้า"(Jamaica Coalition) ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนีส่งผลกดดันสกุลเงินยูโรและหนุนดัชนีดอลลาร์ให้พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งสัปดาห์ นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (LEI) ของสหรัฐประจำเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้นเกินคาดซึ่งช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้อีกด้วย สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้เกิดแรงขายในทองคำจนส่งผลให้ราคาทองคำปิดลบ 1.37% ในวันจันทร์ ขณะที่วันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
แบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อเก็งกำไรจากการดีดตัวขึ้นหากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซน 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ โดยตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น