Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยเกิด technical rebound ในหุ้นใหญ่อย่าง SCC และ AOT อย่างไรก็ตามหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาสูงอย่าง IVL, CPALL โดนแรงขายทำกำไรบางส่วน ในขณะที่หุ้นขนาดกลางหลายตัวมีแรงเก็งกำไรเด่นต่อเนื่องเช่น AMATA, ICHI, EA ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,710 จุด (-3.9 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.9 หมื่นล้านบาท (มี Biglot TKN มูลค่า 606 ล้านบาท)
นักลงทุนชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้งที่ 553 ล้านบาท และคงสถานะ Short สุทธิ SET50 Index Future สูงกว่า 3,380 สัญญา
Investment theme
คาดนักลงทุนต่างประเทศหันพักเงินในตลาดพันธบัตรระยะสั้น : 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศขายทำกำไรตลาดหุ้นไทยเป็นวงเงินสูงกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนสถาบันและรายย่อยซื้อสุทธิรวมเป็นวงเงินใกล้เคียงกันที่ 1.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ปัจจุบันที่การส่งออกของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดBloomberg คาดตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคมที่ 14.6% อีกทั้งกำลังเข้าสู่ช่วง High season ของการท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้เราคาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องที่ 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักที่จะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคาดว่าภายหลังนักลงทุนต่างประเทศขายทำกำไรตลาดหุ้น เม็ดเงินบางส่วนอาจหันมาพักที่ตลาดพันธบัตร โดย 6 วันที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิตลาดพันธบัตรสูงกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะมองว่าในช่วงมกราคม มีโอกาสที่เม็ดเงินดังกล่าวจะ switch กลับมายังตลาดหุ้น หากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจน
Investment theme: เรายังคงมุมมอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1,680 – 1,720 โดยกลุ่มที่เรายังมีมุมมองเชิงบวกได้แก่ กลุ่มพลังงาน(ต้นน้ำ), กลุ่ม Out of home media , กลุ่มอสังหา, กลุ่มธนาคาร ในขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่ม โรงกลั่น, ICT
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา Brent ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 62.57 เหรียญ/บาร์เรล / NASDAQ ปรับตัวทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องที่ 6,380 จุด / ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 7.38 เหรียญ/บาร์เรล
วันนี้ SKE เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นวันแรก
บทวิเคราะห์วันนี้ : CK
Stock pick : AP
AP : เก็งกำไรราคาเหมาะสม 9.50 บาท/หุ้น
คาดกำไรไตรมาส 4 สูงเป็นสัดส่วนสูงกว่า 44% ของประมาณการกำไรทั้งปี หรือคิดประมาณ 3.19 พันล้าน สนับสนุนจากทั้งกำไรของ JV กับ Mitsubishi ในการรับรู้รายได้จากโครงการRHYTHM (คอนโดรางน้ำ) ในขณะที่คาดรับรู้รายได้จาก Backlog ที่สูงกว่า 6.0 พันล้านบาท โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 33%
ในขณะที่คาด Presale ปีนี้จะทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดกำไร AP จะเด่นต่อเนื่องถึงใน 1Q61 ในขณะที่ปัจจุบันราคาหุ้น Laggard กลุ่มอสังหาประมาณ 4.4% คงคำแนะนำซื้อ ด้วยราคาเหมาสม 9.50บาท/หุ้น พร้อมปันผลประมาณ 4%
Trading idea – – Stock pick สัปดาห์นี้ (BJC, BDMS, PTTEP) เก็งกำไร ESSO / ทยอยสะสม TMT บริเวณแนวรับเส้น 200 วัน ที่ราคา 15.30 บาท
Technical View
จังหวะอ่อนตัวมองเป็นโอกาสซื้อ: ดัชนีปรับตัวขึ้นปะทะแนวต้าน 1720 และยังคงไม่สามารถผ่าไปได้ ทำให้เกิดแท่งเทียนแบบ Bearish Engulfing ทำให้ระยะสั้นมีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1704 (เส้น Downtrend) แต่คาดจะ Rebound ทันที เนื่องจาก MACD เพิ่งเกิด Buy Signal มองแนวต้านที่ 1720 และ 1730 (High เดิม) ตามลำดับ ระยะกลางให้จับตาแนวต้าน 1730 เป็นหลัก กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ถือหุ้นต่อ(ระยะกลาง) หรือ ทยอยขายทำกำไรตามแนวต้าน (ระยะสั้น) 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวระหว่างวัน ทยอยสะสมหุ้นตามแนวรับ
แนวรับ : 1714, 1700 แนวต้าน : 1720, 1730
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 23 พ.ย. รายงาน GDP ไตรมาส 3 ของอังกฤษ / สหรัฐรายงาน PMI ภาคการผลิตและบริการ 24 พ.ย.
ปัจจัยในประเทศ : ตัวเลขส่งออกประกาศเช้านี้ /Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้ / จับตาการปรับครม.
หุ้นเทคนิค:
SCC (B 484.00, Tp 494.00//500.00, Cut 480.00)
CBG (B 98.00, Tp 106.00, Cut 97.00)
ข่าวเด่น