Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรเด่นในกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง BGRIM, GPSC, EA และกลุ่มอสังหา เช่น QH, LH, UV อย่างไรก็ตามพบแรงขายทำกำไร ในกลุ่มนิคมและก่อสร้างเช่น AMATA, ROJNA, CK , STEC และ UNIQ ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,713 จุด (+2.6 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.7 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.6 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งที่ 917 ล้านบาท และกลับมา Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 4,301 สัญญา
Investment theme
ตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้น ส่งผลให้แกว่งตัวในกรอบ แนะ Switch ตัวเก็งกำไร : 1 เดือนที่ผ่านมา SET แกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,680-1,720 สาเหตุหลักเกิดจากนักลงทุนต่างประเทศขายทำกำไรเป็นวงเงินสูงกว่า 3.0 หมื่นล้านบาท ในขณะที่เม็ดเงินจากสถาบัน ยังซื้อสุทธิค่อนข้างน้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเพียง 4.7 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งเราคาดว่าเกิดจากยอดซื้อสะสมเฉลี่ยตั้งแต่ตุลาคม 2559 สูงกว่า 1.0 แสนล้านบาทแล้ว ในขณะที่เรามองว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ทั้งจากต่างประเทศ (ยังคงมีความไม่แน่นอนจากสภาสูงที่จะเตรียมพิจารณามาตราการภาษีสหรัฐ, สภาเยอรมันเริ่มมีความไม่แน่นอน และ การประชุม OPEC ในปลายสัปดาห์หน้า) และในประเทศ ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุเตรียมเก็บเพิ่มเงินสมทบเข้ากองทุน FIDF (กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 0.47% เป็น 1.00% ของเงินฝากทั้งหมด โดยกฎหมายนี้ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา และหากผ่านจริง คาดส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มธนาคารทั้งกลุ่ม โดยเราประเมินกำไรของกลุ่มธนคารจะลดลงประมาณ 10%
Investment theme: เรายังคงมุมมอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1,680 – 1,720 โดยกลุ่มที่เรายังมีมุมมองเชิงบวกได้แก่ กลุ่มพลังงาน (ต้นน้ำ), กลุ่ม Out of home media, กลุ่มอสังหา, กลุ่มธนาคาร ในขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่ม โรงกลั่น, ICT
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเหตุก่อการร้ายในซาอุ / พาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.ที่ 13.1%, นำเข้า 13.5% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 214.4 ล้านเหรียญสหรัฐ รวม 10 เดือน ส่งออกเติบโต 9.7% / ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องที่ 32.69 เหรียญ/บาร์เรล / Brent ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องที่ 63.3 เหรียญ/บาร์เรล / Dollar index กลับมาอ่อนค่าอีกครั้งที่ 93.2
วันนี้ PORT , THMUI ซื้อขายในตลาดเป็นวันแรก
Stock pick : PORT
PORT : ทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท/หุ้น
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจท่าเทียบเรือบนแม่น้ำเจ้าพระยา ให้บริการจัดการและบริหารตู้สินค้าคอนเทนเนอร์แก่สายเดินเรือขนส่งสินค้าใน-ต่างประเทศอย่างครบวงจร ซึ่งฐานลูกค้าค่อนข้างมีชื่อเสียงเช่น MAERSK, NYK LINE เป็นต้น ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ของท่าเรือเอกชน (รวม 4 แสนตู้/ปี)
คาดกำไรปี 2561 เติบโตโดดเด่นกว่า 129% ที่ 108 ล้านบาท สนับสนุนจากท่าเรือทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ ท่าสหไทย, BBT และธุรกิจรอบด้านที่ขยายตัว (ขนส่งตู้ทางบก-ซ่อมบำรุง – warehouse- Freight fowarder) ในขณะที่คาด Net margin (%) จะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 8.9% เราประเมินราคาเหมาะสมปี 2561 ที่6.00 บาท/หุ้น ด้วย PER เฉลี่ยของกลุ่มที่ 25.6 เท่า
Trading idea – – Stock pick สัปดาห์นี้ (BJC, BDMS, PTTEP) / กลุ่มอสังหาแนะเก็งกำไร AP ,ทยอยสะสม LPN 13.10+/-
Technical View
การพักตัวไม่ควรหลุด Low ของกรอบ : ดัชนีพักตัวเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แม้ระหว่างวันจะผ่าน 1720 ได้ แต่ตอนบ่ายได้มีแรงขายกดลงมา ส่งผลให้แนวต้าน 1720 ยังคงแข็งแกร่ง มองว่าหากการพักตัวไม่หลุด Low ของกรอบที่ 1707 จะไม่ทำให้แนวโน้มหลักที่ Break เส้น Downtrend เสียไป มองแนวต้านที่ 1720 และ 1730 (High เดิม) ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ถือหุ้นต่อ (ระยะกลาง) หรือ ทยอยขายทำกำไรตามแนวต้าน (ระยะสั้น) 2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวระหว่างวัน ทยอยสะสมหุ้นตามแนวรับ
แนวรับ : 1707, 1700 แนวต้าน : 1720, 1730
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 23 พ.ย. รายงาน GDP ไตรมาส 3 ของอังกฤษ / สหรัฐรายงาน PMI ภาคการผลิตและบริการ 24 พ.ย.
ปัจจัยในประเทศ : Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้ / จับตาการปรับครม.
หุ้นเทคนิค:
BCPG (B 22.40-22.60, Tp 23.50//24.00, Cut 22.20)
CPALL (B 74.00, Tp 76.00, Cut 73.00)
ข่าวเด่น