Market summary
  เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัว Sideway Down โดยมีแรงขายหลักในกลุ่ม ICT (ADVANC, DTAC) และ MEDIA (WORK, RS) ขณะที่กลุ่มที่ช่วยพยุงตลาด อยู่ในกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากช่วง High Season เช่น ค้าปลีก (BJC, CPALL) และท่องเที่ยว (CENTEL, ERW) โดยณ.สิ้นวัน SET ปิดที่  1,707 จุด (-5.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.7 หมื่นลบ.  ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติพลิกมาขายหุ้นไทยราว 454 ล้านบาท แต่ยังคง Long สุทธิ SET50  Index Future ต่อเนื่องเป็นวันที่สองอีก 2,407 สัญญา

Investment theme
  กลุ่ม ICT ยังถูกแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มที่ได้อานิสงส์การเข้าสู่ช่วง High Season ยังมีแรงพยุง  : ภาพตลาดระยะสั้นคาดยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,680 – 1,720 จุด โดย เรายังคงเห็นแรงขายหลักออกมาในกลุ่มของ ICT จากภาวะการแข่งขันของกลุ่มที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยประเด็นการประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ในช่วงปีหน้า ถือเป็นประเด็นสำคัญที่อาจกดดันกลุ่มไปอีกระยะหนึ่ง ผสานกับ เรื่องคลื่น 2300 MHz ของ TOT ที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งคาดจะมีการสรุปผลการพิจารณาเข้าสู่ที่ประชุม คณะกรรมการ กสทช. ในวันที่ 6 ธค. นี้ สะท้อนความไม่ชัดเจน อาจเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมช่วงสั้นได้ แต่อย่างไรก็ดี ยังมีบาง Sector ที่มีจิตวิทยาเชิงบวก เช่น กลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการเข้าสู่ช่วง High Season ช่วงปลายปี เช่น กลุ่มค้าปลีก รับปัจจัยบวกจากนโยบายช๊อปช่วยชาติ และการบริโภคที่ฟื้นตัว ผสานกลุ่มท่องเที่ยว ที่ขานรับนักท่องเที่ยวจะเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปี รวมถึงการเก็งมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวที่คาดจะนำเข้าสู่ ครม. ในช่วงถัดไป เป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยหนุนเพิ่มเติม     
  Investment theme: เรายังคงมุมมอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1,680 – 1,720 โดยกลุ่มที่ยังมีมุมมองเชิงบวกได้แก่ พลังงาน (ต้นน้ำ), Out of home media, อสังหา, ธนาคาร, ค้าปลีก & ท่องเที่ยว ในขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในกลุ่ม โรงกลั่น, ICT

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา  ตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า / PMI ภาคการผลิต ยูโรโซน เดือน พย. ที่ 60 จุด จาก 58.5 ดีกว่าคาดที่ 58.2 หนุนค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น / ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องสู่ระดับ 32.66 บาทต่อดอลล่าร์ แข็งสุดนับตั้งแต่ เม.ย.2558 / Brent ปรับขึ้นต่อเนื่องที่ 63.55 เหรียญ/บาร์เรล รับแรงเก็งประชุม OPEC 30 พย.นี้  / ดัชนีค่าระวางเรือ +32 จุด สู่ 1445 จุด ปรับขึ้น 5 วันติด

  HMPRO (BUY, TP 15.4) ปรับประมาณการและเป้าหมายขึ้น
  DDD (Pre-IPO, Fair Value 57.9) มีศักยภาพเติบโตสูง

Stock pick : HMPRO
HMPRO  : ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ 15.4 บาท/หุ้น (จาก 13.5)
  ปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 4% และปรับขึ้น 7-8% ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป สะท้อนอัตรากำไรที่สูงขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงและ Private brand 
  ได้ประโยชน์จาก Economies of scale มากขึ้นจากการขยายสาขา เราประเมินอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อปี (CAGR) เท่ากับ 14% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 2560-2562)   
  คาดกำไร 4Q60 จะเป็นระดับสูงสุดใหม่ โดยคาด SSSG ใน 4Q60 เป็นบวกต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงเทศกาล และมีมาตรการ ช้อปช่วยชาติ (11 พ.ย.- 3 ธ.ค.) คาดจะผลักดันยอดขายทั้งในสาขาและยอดขายในงาน HomePro Expo ซึ่งจัดวันที่ 17-26 พ.ย. โดดเด่น
  Trading idea – –  Stock pick สัปดาห์นี้  (BJC, BDMS, PTTEP) / กลุ่มอสังหาแนะเก็งกำไร  AP ,ทยอยสะสม LPN / เก็งกำไร PM

Technical View
  คาบลูกคาบดอก: ดัชนีแกว่งพักตัว 3 วันติดต่อกัน โดยตลอดทั้งวันนี้ดัชนีแกว่ง Sideway Down และปิดที่ Low ของกรอบการพักตัวที่ 1707       หากหลุดกรอบการพักตัว ดัชนีจะมีแนวโน้มแกว่งตัวลงต่อเพื่อทดสอบแนวรับที่ 1700 ซึ่งที่แนวรับดังกล่าว คาดดัชนีจะเริ่มชะลอการลง เนื่องจาก Slow Stochastic ในกราฟ 120 นาที เริ่มเข้าเขต Oversold อีกครั้ง
  กลยุทธ์การลงทุน  1) มีหุ้น: ลงทุนระยะกลาง: ถือหุ้นต่อ  ส่วนลงทุนระยะสั้น:  หากหลุด 1707 แนะนำ Lock Profit  2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับ 1700
  แนวรับ : 1700, 1690  แนวต้าน : 1715, 1720

Eyes on
  ปัจจัยต่างประเทศ : สหรัฐรายงาน PMI ภาคการผลิตและบริการ 24 พ.ย. และ เยอรมนี รายงานดัชนี IFO Business 24 พย. / ประชุม OPEC 30 พย.ปัจจัยในประเทศ : Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้ / จับตาการปรับครม.

หุ้นเทคนิค:
  PTTGC (B 78.50-79.00, Tp 81.00//83.00, Cut 77.50)

  BDMS (B 21.60, Tp 22.50, Cut 21.30)