คำแนะนำ
รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,281-1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือหากรับความเสี่ยงไม่ได้อาจเลือกชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,281 1,274 1,266
แนวต้าน 1,300 1,307 1,319
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 3.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากแรงขายทำกำไรหลังสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้น โดยดัชนี S&P 500และNasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 31.81จุด ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้เกิดแรงขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตามราคาทองคำปรับตัวลงในกรอบจำกัดโดยได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. จากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรหลังการผลสำรวจการขยายตัวทางธุรกิจของยูโรโซนบ่งชี้ถึงการขยายตัวเกินคาด ประกอบกับมาร์กิตเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับ 54.6 ในเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเป็นอีกปัจจัยที่กดดันสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มเติมอีกด้วย ขณะที่วันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐ และสำหรับสัปดาห์นี้แนะนำจับตาความคืบหน้าการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภาหลังผู้นำวุฒิสภาสหรัฐกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าการลงคะแนนเสียงอาจเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดในวันที่ 30 พฤศจิกายน
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำได้เกิดแรงขายออกมาหลังจากดีดตัวขึ้น แต่โดยรวมราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบ ดังนั้นคาดว่าจะเกิดการดีดตัว(Rebound)กลับ โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,297-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทะลุขึ้นมาได้ แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่ 1,307ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวรับนั้นอาจต้องพิจารณา 1,281 และ 1,274ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นให้พิจารณาโซน 1,297-1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดทยอยขายทำกำไร เพื่อพิจารณาซื้อในบริเวณ 1,281 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาหลุด 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
ข่าวเด่น