กลยุทธ์วันนี้
Rebound plays
Smart Pick
1. สะสม IRPC : ราคาปิด 6.00 บาท ราคาเหมาะสม 8.10 บาท
a) คาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสรีบาวน์ในวันนี้ หลังปรับตัวลง -4% ในวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากปรับตัวหลุดแนวรับบริเวณ 6.20 บาท และไม่มีปัจจัยลบต่อปัจจัยพื้นฐานต่ออย่างใด
b) มี Sentiment บวก จากการไต่ระดับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 2 ปี เพิ่มขึ้น +1.6% dod ปิดที่ US$58.95/barrel จากความคาดหวังเชิงบวกต่อการประชุม OPEC ในวันพฤหัสนี้
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรปี 2561 ที่คาดว่าจะเติบโต +29% YoY เป็น 11,859 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลปีละ 1 ครั้ง คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 4% ต่อปี
2. สะสม MBK : ราคาปิด 20.00 บาท ราคาเหมาะสม 25.50 บาท
a) ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงแล้ว 15.3% จากบริเวณ 23.60 บาท ในช่วงต้นเดือน พ.ย. เป็นโอกาสในการเข้าสะสมเพื่อการลงทุนระยะกลาง-ยาว
b) เราคงมุมมองเชิงบวก และคาดว่ากำไรจะเข้าสู่ Cycle ขาขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ยปีละ 17% จากแรงหนุนของโครงการ Icon Siam ที่จะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 4Q61 เป็นต้นไป
c) หุ้นกลุ่มศูนย์การค้าได้ประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติรอบใหม่ระหว่างวันที่ 11 พ.ย. - 3 ธ.ค. ส่งผลบวกต่อ SSSG ให้เร่งตัวขึ้น และ MBK มีสัญญาเช่าแบบ Consignment ราว 15% ของพื้นที่เช่า จึงได้อานิสงค์โดยตรงจากยอดขายของร้านค้าที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ขณะที่ Valuation น่าสนใจที่ระดับ PER2561 เพียง 12 เท่า ต่ำกว่า CPN ที่ 28 เท่า
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลดลง 11.54 จุด ปิดที่ 1695.84 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5.7 หมื่นล้านบาท กดดันจากหุ้นขนาดใหญ่อย่าง AOT -1.28%, SCC -1.21%, IVL -3.09%, TOP -3.90%, CPN -1.5% ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิ 732 ล้านบาท และ 2.7 พันล้านบาท ตามลำดับ ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติ Short สุทธิ 4.4 พันสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิ 7 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิ 5.3 หมื่นสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิ 2.7 หมื่นสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันอีกราว 491 ล้านบาท รวมกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท
กลยุทธ์วันนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ปรับฐานแรงเกือบ 12 จุด หลุด 1700 จุดอีกครั้งหนึ่ง โดยหลักเป็นแรงขายสุทธิของกลุ่มสถาบันในประเทศสูงถึง 2.7 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี เรามองเป็นเพียงการพักฐานระยะสั้นและ Downside จำกัด
คาดทิศทาง SET INDEX วันนี้ มีโอกาสฟื้นตัว (Rebound) ในกรอบ 1690-1705 จุด ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี เพราะราคาน้ำมันทรงตัวระดับสูง บนความคาดหวังเชิงบวกต่อการประชุม OPEC ในวันพฤหัสนี้ ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทบริเวณ 32.65 บาท/เหรียญฯ ช่วยจำกัด Downside ของตลาดหุ้นไทย
สัปดาห์นี้ติดตามการพิจารณานโยบายปรับโครงสร้างภาษีของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมถึง ปัจจัย/ดัชนีเศรษฐกิจอื่นๆ ได้แก่ 29 พ.ย. GDP 3Q60 (รอบสอง) ของสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 3.2% สูงกว่ารอบแรกที่ 3%; 30 พ.ย. การประชุมประจำปีของ OPEC, การปรับน้ำหนักดัชนี MSCI, รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน ต.ค. โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ คือ Rebound Plays เก็งกำไรหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงมา แต่ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง/ Commodities Plays เก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- US รายงาน PMI ภาคการผลิต เดือน พ.ย. อยู่ที่ระดับ 53.8 จุด ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 55 จุด และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 54.6 จุด
- S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของแอฟริกาใต้ลงเป็น BB หรือ Junk
- EU คาดจะทราบความคืบหน้าการเจรจา Brexit ภายในวันที่ 4 ธ.ค.
- การปรับครม. "ประยุทธ์ 5" ทีมเศรษฐกิจไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
- ติดตามการรายงาน GDP3Q60 US ครั้งที่ 2 ตลาดคาดขยายตัว 3.2% เพิ่มขึ้นจากการรายงานครั้งก่อนที่ 3.0% และการรายงาน Beige Book วันที่ 29 พ.ย.
- ติดตามการรายงาน PMI จีน ตลาดคาดการผลิตอยู่ที่ระดับ 51.5, การรายงานเงินเฟ้อ EU, การประชุม OPEC, การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI วันที่ 30 พ.ย.
- ติดตามการรายงานภาวะเงินเฟ้อไทย เดือน ต.ค. วันที่ 1 ธ.ค.
ข่าวเด่น