โบรกฯ คาด SET วันนี้อ่อนตัวลงเคลื่อนไหวในกรอบ 1,685-1,702 จุด รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้น ตปท. และราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี บวกเม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF/ RMF แต่มีปัจจัยลบจาก fund flow ต่างชาติที่ยังผันผวน
*ภาวะตลาดหุ้นไทย
ศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,695.84 จุด ลดลง -11.54 จุด หรือ -0.68%มีมูลค่าการซื้อขาย 56,519.98 ล้านบาท
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 732.02 ลบ.
*ภาวะตลาดหุ้น-น้ำมันสหรัฐฯ
- ราคาน้ำมันดิบไลท์ล่วงหน้าสัญญาส่งมอบเดือนมกราคมที่ตลาดนิวยอร์ก ปิดตลาดที่ระดับ 58.95 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 93 เซ็นต์ หรือ 1.60%
- ดาวโจนส์บวก 31.81 จุด หลังนลท.จับตายอดค้าปลีกในช่วงแบล็กฟรายเดย์ -ไซเบอร์มันเดย์
วันศุกร์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.60) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดที่ 23,557.99 จุด เพิ่มขึ้น 31.81 จุด หรือ +0.14% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,889.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.80 จุด หรือ +0.32% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,602.42 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด หรือ +0.21% โดยตลาดเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันต่อเนื่องจากวันหยุดในวันขอบคุณพระเจ้าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
*มุมมองโบรกฯ เช้านี้
บล.โกลเบล็ก ภาวะตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีเม็ดเงินลงทุนในกองทุน LTF RMF และภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวในช่วงปลายปี โดยมีปัจจัยลบจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า และ fund flow ต่างชาติที่ยังผันผวน คาดวันนี้ SET จะอ่อนตัวลงโดยมองกรอบระหว่างวันที่ 1,685-1,702 จุด
บล.เคจีไอ คาด SET วันจันทร์ไซด์เวย์/ลบกรอบจำกัด หลังเมื่อวันศุกร์ปรับลงมาปิดต่ำกว่าระดับจิตวิทยาที่ 1,700 (อ่อนแอกว่าที่เราประเมิน) ตามแรงขายหนักจากฝั่งสถาบันไทย + ความไม่แน่นอนของปัจจัยฝั่งสหรัฐฯ (แผนปฎิรูปภาษี) และจีน (การคุมเข้มทางการเงินรอบใหม่) ทั้งนี้เรามองว่าแรงขายจากสถาบันไทยส่วนหนึ่งทำเพื่อเพิ่มระดับเงินสดไปจองซื้อหุ้นกัลฟ์ เอ็นเนอจี ดีเวลลอปเม้น ซึ่งจองซื้อวันนี้ (27 พ.ย.) เป็นวันสุดท้ายแล้ว ดังนั้นแรงขายจากสถาบันน่าจะสิ้นสุดในเร็วๆ นี้ ผนวกกับยังมีเม็ดเงิน LTF เข้ามาสนับสนุนในช่วงปลายปี อย่างไรก็ดีปัจจัยภายนอกยังไม่ชัดเจนต่อไป โดยในฝั่งสหรัฐฯ นั้น ตลาดคาดหวังว่าวุฒิสภาจะพิจารณาแผนปฎิรูปภาษีในสัปดาห์นี้ (หากล่าช้าจะเป็นลบต่อจิตวิทยาหุ้นโลกอีก แต่จะกดดันดอลล่าร์ฯ อ่อนต่อ และเงินบาทแข็งค่าต่อ)
ขณะที่ตลาดหุ้นจีนน่าจะผันผวนแรงต่อไป หลังทางการกลับมาคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อของ micro-lenders และ บลจ. จีนที่ไม่ได้มาตรฐาน ภาพรวม SET Index ต้นสัปดาห์จึงยังไซด์เวย์ รอความชัดเจนของปัจจัยภายนอกดังกล่าว ทั้งนี้ SET น่าจะได้รับแรงหนุนเพิ่มขึ้นในกลางสัปดาห์ โดยในวันที่ 30 พ.ย. ทาง MSCI จะปรับน้ำหนักหุ้น และหุ้นเข้าออก (มีผล ณ สิ้นวัน) ซึ่งน้ำหนักของตลาดหุ้นไทยในดัชนี MSCI AC Asia Pacific ที่ไม่รวมญี่ปุ่น เพิ่มจาก 2.10% เป็น 2.11% ดังที่ได้ประกาศไปแล้วตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เราจึงคงมุมมองว่า SET มีความเสี่ยงทางลงจำกัด และแนะนำทยอยสะสมหุ้นเช่นเดิม
ข่าวเด่น