Market summary
  เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ ในระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย พบแรงขายทำกำไรในกลุ่มธนาคารนำโดย KBANK, BBL และ SCB ในขณะที่เกิด Technical rebound ในกลุ่ม ICT อย่าง ADVANC, INTUCH และ DTAC  ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่  1,695 จุด (-0.17 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.6 หมื่นลบ.  ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบเท่ากับวันก่อนหน้า (มี Biglot QH, BGRIM  รวมมูลค่า 6.0 พันล้านบาท)
นักลงทุนชาติยังคงขายหุ้นไทยราว 2,219 ล้านบาท และคงสถานะ Short สุทธิ SET50  Index Future ที 5,956 สัญญา

Investment theme
  คาด SET แกว่งตัวในกรอบ เพื่อรอความชัดเจนของทิศทางเงิน flow  : ในเดือนพฤศจิกายนเห็นได้ชัดว่านักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นสูงกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเฉลี่ยประมาณ 1.64หมื่นล้านบาท โดยในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ เรามองว่าถึงนักลงทุนต่างชาติขายทำกำไรตลาดหุ้น แต่เป็นเพียงการ Switch เงินเข้าพักยังตลาดพันธบัตร (MTD +4.3 หมื่นล้านบาท) ประกอบกับปัจจุบันตลาดยังไม่ทราบแนวทางการบริหารและกำหนดกรอบของประธานธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ รวมถึงความชัดเจนในทางออกของประเทศเยอรมัน ภายหลังพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับคุณ Merkel และหากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ออกมาเด่น โดยเฉพาะภาคการบริโภค และการท่องเที่ยว ทำให้เรามองว่าในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ SET ปรับตัวขึ้นทะลุกรอบ 1,720 ได้
  Investment theme:  เป็นสัปดาห์ที่ 3 ที่ SET ไม่สามารถ Break กรอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,720 ได้ เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุนและเม็ดเงินจากต่างประเทศ ในขณะที่ฝั่งสถาบันเริ่มมีแรงซื้อที่ลดลง ส่งผลให้เรามองว่าในสัปดาห์นี้ SET ยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,720 เพื่อรอดูผลของปัจจัยต่างประเทศที่เราระบุ แนะนักลงทุนลดวงเงินต้นในการเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง เพื่อรอดูความชัดเจน

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา   Dollar index ทรงตัวที่ 92.8 / สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 685,000 ยูนิต / ประธานเฟด สาขา Dallas สนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย และการผ่อนคลายกฏเกณฑ์ Dodd frank /

 Stock pick : TACC
TACC: ซื้อเก็งกำไร 7.10 บาท/ หุ้น
  ราคาหุ้นปรับตัวลงสะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในปี 2560 ซึ่งกดดันจากยอดขายชาเขียวในกัมพูชาที่อ่อนตัว และ low season ใน 3Q60 ของยอดขายในไทย ในขณะที่ 4Q60 คาดฟื้นตัว QoQ การจากเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น เครื่องดื่มแบรนด์ระดับโลก Hershey chocolate และสินค้าติดสติ๊กเกอร์ Sanrio ใน 7-eleven
  ล่าสุดบริษัทลงนาม MOU กับ Quanjian Group (ทำธุรกิจขายตรงที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงในจีน) โดย TACC วางแผนทำ R&D ร่วมกันและแลกเปลี่ยนสินค้าซื้อขายระหว่างประเทศกัน ถือเป็น upside gain (%) ที่ยังไม่รวมในประมาณการ เริ่ม 1Q18
ส่วนประเด็นภาษีน้ำตาล TACC ก็ได้ปรับสูตรเพื่อลดทอนผลกระทบไปแล้ว แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

Trading idea – –  BJC @ 68.0 บาท / เก็งกำไร  AOT 59.50 , 61.0 / ทยอยสะสม LPN บริเวณ 13.00  

  สัญญาณดีดตัวกลับที่แนวรับสามเหลี่ยม: ดัชนีแกว่งตัวในกรอบสามเหลี่ยม (Symmetry Triangle) ล่าสุดเกิดสัญญาณกลับตัวที่แนวรับแบบ Hammer คล้ายที่เกิดในอดีต จึงมองว่าระยะสั้นมีโอกาสดีดตัวกลับ โดยมุมมองเชิงบวกจะมีมากขึ้นหากดัชนีสามารถปิดยืนเหนือแนวต้าน 1700 ซึ่งจะทำให้ MACD กลับมามีสัญญาณเชิงบวกอีกครั้ง ระยะกลางหากสามารถผ่านแนวต้านกรอบบนสามเหลี่ยมที่ 1720 ได้ จะเกิด Buy Signal ในระยะยาว
  กลยุทธ์การลงทุน  1) มีหุ้น: Let Profit Run คาดหวังการ Rebound ขึ้นตามกรอบสามเหลี่ยม  2) ไม่มีหุ้น: หากดัชนีไม่หลุดแนวรับ 1690 มองเป็นโอกาสสะสมที่แนวรับ
  แนวรับ : 1690, 1685  แนวต้าน : 1700, 1710

Eyes on 
  ปัจจัยต่างประเทศ : 28 พ.ย. อังกฤษรายงาน GDP ไตรมาส 3, สหรัฐรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค   / 29 พ.ย. ยุโรปรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค, สรหัฐรายงาน GDP ไตรมาส 3 , จีนรายงาน PMI ภาคการผลิต /  ประชุม OPEC 30 พย. และ สหรัฐรายงานตัวเลขตัวเลขเงินเฟ้อ  
  ปัจจัยในประเทศ : Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้ / 1 ธ.ค.รายงานเงินเฟ้อหุ้นเทคนิค:
  IVL (B 47.50-48.00, Tp 50.00//51.50, Cut 46.50)

  QH (B 3.00, Tp 3.20, Cut 2.98)