Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET เกิด technical rebound โดยมีแรงซื้อเด่นใน AOT, IVL และกลุ่มโรงกลั่นอย่าง IRPC, TOP, BCP กลุ่มโรงพยาบาลเช่น BDMS, BH, BCH ในขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกจะยังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องใน BJC, BEAUTY ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,706 จุด (+10.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.9 หมื่นลบ.เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเท่ากับวันก่อนหน้าที่ 4.6 หมื่นล้านบาท (มี Biglot SCC รวมมูลค่า 310 ล้านบาท)
นักลงทุนชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยเล็กน้อยที่ 220 ล้านบาท และกลับมา Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 5,298 สัญญา
Investment theme
SET เกิด Technical rebound คาดแกว่งในกรอบ 1,720 แนะทยอยสะสมกลุ่มโรงพยาบาล : ปัจจุบันหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล laggard SET และกลุ่ม Bloomberg Asia Pacific Healthcare Service Index อยู่สูงกว่า 13.0% และ 22% ตามลำดับ แนะทยอยสะสมกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BDMS และ BCH โดยเชิงพื้นฐานเรามองว่าในช่วง 1Q18 กลุ่มโรงพยาบาลน่าสนใจ จากการฟื้นตัวของจำนวนผู้ป่วยต่างชาติ นำโดยตะวันออกกลางเริ่มกลับมาสู่ระดับปกติประมาณ 15-20% ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด ในขณะที่กลุ่มผู้ป่วยใหม่อย่างกลุ่ม CLMV และจีนเติบโตเด่น และในส่วนของการปรับค่ารักษาพยาบาลจะเริ่มปรับในเดือนมกราคม ส่งผลให้คาด EBITDA Margin (%) ปรับเพิ่มประมาณ 3-6% นำโดย BH, BDMS ในขณะที่การเติบโตของกำไร BCH มีทิศทางเด่นสุดในกลุ่มและ downside ค่อนข้างจำกัด
Investment theme: เป็นสัปดาห์ที่ 3 ที่ SET ไม่สามารถ Break กรอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,720 ได้ เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุนและเม็ดเงินจากต่างประเทศ ในขณะที่ฝั่งสถาบันเริ่มมีแรงซื้อที่ลดลง ส่งผลให้เรามองว่าในสัปดาห์นี้ SET ยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,720 เพื่อรอดูผลของปัจจัยต่างประเทศ
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา ครม.มีมติเห็นชอบมาตราการด้านการเงินสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนใต้ / กลุ่มธนาคารในตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นภายหลัง Powell ระบุแผนเตรียมผ่อนปรนกฎเกณฑ์ / Dollar index ปรับตัวขึ้นอีกครั้งที่ 93.2 / เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธอีกครั้ง
BCPG ขึ้น XD วันที่ 7 ธ.ค. จ่ายปันผล 0.15 บาท/หุ้น
คาด PORT เข้าเกณฑ์ Cash Balance
Stock pick : BDMS
B BDMS: เก็งกำไร 22.50 บาท/หุ้น (เชิงเทคนิค)
หากเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลใหญ่ด้วยกันแล้ว เรามองว่า BDMS มีความน่าสนใจกว่า จากประเด็นการ Recovery ของโรงพยาบาลในเครือกว่า 10 โรง จากทั้งหมด 45 โรงทั่วประเทศ (ประมาณ 6,000 เตียง) ครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยเฉพาะ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และ ภาคกลาง (คิดเป็น 37% ของจำนวนเตียงภายใต้การบริหารของ BDMS) ซึ่งเป็นแหล่งที่ Case mix index สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ
คาดผลประกอบการไตรมาส 4 เติบโต YoY จากฤดูฝนที่ยาวนานกว่าปกติ ในขณะที่คนไข้จากต่างประเทศกลับมาในระดับปกติอีกครั้ง ทั้งจากตะวันออกกลางและตลาดใหม่ในอินโด-จีน
ราคาหุ้นปัจจุบัน YTD - Laggard BH อยู่สูงกว่า 23% แนะนำเก็งกำไร
Trading idea – – BJC @ 68.0 บาท / เก็งกำไร BCH ภายหลังเกิด Technical rebound 16.0+/- , ติดตามการประชุมนักวิเคราะห์เช้านี้
แกว่งขึ้นทดสอบแนวต้านกรอบสามเหลี่ยม: ดัชนีเกิดแท่งเทียนคอนเฟิร์มการกลับตัวขึ้นแบบ Hammer ที่แนวรับ พร้อมสัญญาณซื้อใน MACD ทำให้คาดว่าดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านกรอบบนสามเหลี่ยม (Symmetry Triangle) บริเวณ 1720-1723 ซึ่งหากผ่านได้จะมีแนวต้านสำคัญถัดไปที่ High เดิมที่ 1730 ซึ่งหากผ่านได้จะเกิดสัญญาณ Buy Signal ในระยะยาว ยังคงมองว่าจังหวะอ่อนตัวระหว่างวันเป็นโอกาสสะสมหุ้นตามแนวรับ กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Let Profit Run คาดหวังการ Rebound ขึ้นตามกรอบสามเหลี่ยม 2) ไม่มีหุ้น: หากดัชนีไม่หลุดแนวรับ 1700 มองเป็นโอกาสสะสมที่แนวรับ
แนวรับ : 1700, 1695 แนวต้าน : 1710, 1723
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 28 พ.ย. อังกฤษรายงาน GDP ไตรมาส 3, สหรัฐรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค / 29 พ.ย. ยุโรปรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค, สรหัฐรายงาน GDP ไตรมาส 3 , จีนรายงาน PMI ภาคการผลิต / ประชุม OPEC 30 พย. และ สหรัฐรายงานตัวเลขตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ : Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้ / 1 ธ.ค.รายงานเงินเฟ้อหุ้นเทคนิค:
AOT (B 60.50-61.00, Tp 63.00//65.00, Cut 60.00)
MINT (B 44.00, Tp 47.00, Cut 43.50)
ข่าวเด่น