คำแนะนำ
ทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,300-1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากรับความเสี่ยงได้อาจเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,285-1,281 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,281 1,274 1,266
แนวต้าน 1,300 1,307 1,319
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเล็กน้อยราว 83 เซนต์ต่อออนซ์ ท่ามกลางปัจจัยลบ อาทิ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในการประชุมเดือนธ.ค.จากนายเจอโรม พาวเวลล์ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ นอกจากนี้คณะกรรมาธิการด้านงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐยังมีมติอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้ร่างกฎหมายนี้อาจผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาเต็มคณะที่จะทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไปในวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาสหรัฐ อย่างไรก็ตามราคาทองคำสามารถทรงตัวรักษาระดับไว้ได้โดยได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามทะเลระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในวันพุธเวลา 01.30 น.ตามเวลาไทย ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำวานนี้ -2.66 ตัน ขณะที่วันนี้ติดตามการเปิดเผยประมาณการครั้งที่ 2 จีดีพีไตรมาส 3/17ของสหรัฐ, ถ้อยแถลงประธานเฟดนิวยอร์กและการTestifies ต่อThe Joint Economic Committee ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำไม่สามารถสร้างระดับสูงสุดใหม่จากวันก่อนหน้าได้ ขณะที่การอ่อนตัวลงค่อนข้างจำกัดโดยราคาแกว่งตัวในกรอบแคบ ทั้งนี้ ทำให้ประเมินแนวรับระยะสั้นนั้นอยู่ในบริเวณ 1,285-1,281 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาไม่หลุดยังคงมีโอกาสที่ราคาจะทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,300-1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
แนะนำให้แบ่งขายทองคำออกขายเพื่อทำกำไรเช่นเดิม หากราคาทองคำขยับขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน 1,300-1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอาจเข้าซื้อคืนเมื่อราคาทองคำย่อตัวลงมาบริเวณ 1,285-1,281 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยไม่ควรลงทุนมากเกินไปและเน้นการทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา
ข่าวเด่น