Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ค่อนข้างผันผวน โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย มีแรงขายทำกำไรในกลุ่มพลังงาน, โรงกลั่นและโรงไฟฟ้าอย่าง PTTEP,TOP, BCP, GPSC, GLOW, EGCO ในขณะที่พบแรงขายในกลุ่ม TV-digital เช่นกันที่ WORK , BEC , MONO และ RS ส่งผลให้ SET ปรับตัวหลุด 1,700 อีกครั้ง ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,697 จุด (-7.9 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.5 หมื่นลบ.เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเท่ากับวันก่อนหน้าที่ 6.1 หมื่นล้านบาท (มี Biglot KCE รวมมูลค่า 405 ล้านบาท)
นักลงทุนชาติขายหุ้นไทยที่ 137 ล้านบาท และกลับมา Short สุทธิ SET50 Index Future สูงกว่า 9,382 สัญญา
Investment theme
ในระยะสั้น ตลาดหุ้นขาดปัจจัยสนับสนุน แกว่งตัวในกรอบแคบ วันนี้ไม่ควรหลุด Downtrend line : สัปดาห์นี้ SET ค่อนข้างผันผวนเนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุน ในขณะที่แรงซื้อหุ้นใน 3 กลุ่มหลักขับเคลื่อนตลาด อย่าง พลังงาน ,ธนาคาร และ ค้าปลีก เริ่มลดลง โดยวันนี้เรามองว่า SET ไม่ควรหลุดแนวรับในกรอบสามเหลี่ยมบริเวณ 1,689 จุดเพื่อลุ้นเกิด Technical rebound โดยเรามองว่า SET จะยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,720 ไปอีกซักระยะ เพื่อรอปัจจัยสนับสนุน พร้อมเม็ดจากต่างประเทศและการ Switch จากตลาดเงินลงทุนจากตลาดพันธบัตรกลับเข้าตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ
Investment theme: เป็นสัปดาห์ที่ 3 ที่ SET ไม่สามารถ Break กรอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,720 ได้ และด้วยสถานการณ์เช่นนี้แนะนักลงทุนเปลี่ยนใช้กลยุทธ์ซื้อเมื่ออ่อนตัว และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน โดยเราแนะนำลงทุนหุ้นในกลุ่ม Logistic อย่าง PSL, WICE และ PORT รวมถึงทยอยสะสมกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL) และกลุ่มอสังหา (LPN, AP)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา ธปท.คาดส่งออกปีนี้มีโอกาสเติบโต 2 หลัก ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ 8% / Alibaba เสนอขายพันธบัตร 5 ประเภท (5.5-40 ปี) ส่งผลให้กลายเป็นผู้กู้รายใหญ่ในเอเชีย / DJIA ปรับตัวทดสอบระดับสูงสุดที่ 24,000 / สหรัฐรายงานตัวเลข Core PCE เท่ากับคาดที่ 1.4% / ยุโรปรายงานตัวเลข CPI ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ 1.4% / OPEC ขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันจนถึงธันวาคม 2561
คาด PORT เข้าเกณฑ์ Cash Balance
TPIPP แจ้งจ่ายปันผล 0.06 บาท/หุ้น , AOT แจ้งจ่ายปันผล 0.86 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 ธ.ค.
Stock pick : PSL
B PSL : ทยอยสะสม ราคาเหมาะสม 13.70 บาท /หุ้น
ใน 1-2 วันที่ผ่านมาหลายประเทศขนาดเศรษฐกิจใหญ่ของโลกอย่าง สหรัฐ, จีน และยุโรปรายงานตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาด นำโดย อัตราการเติบโตของสหรัฐที่ทำระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 3.3% , จีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตสูงกว่าคาด , เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนภาพเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวพร้อมๆ กัน ส่งผลบวกทางอ้อมต่อดัชนีเทกอง (BDI) ล่าสุดปรับตัวขึ้น 42 จุดที่ 1,578 (YTD +65%)
3Q60 คาดจะเป็นการขาดทุนครั้งสุดท้าย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษ 102 ลบ. เกี่ยวเนื่องกับข้อพิพาทกับอู่ต่อเรือ ซึ่งได้สิ้นสุดไปแล้ว ขณะที่ Core profit กำลังผ่าน จุดคุ้มทุน (break even)
QTD ของ BDI อยู่ที่ 1,469 จุด vs 1,137 จุดใน 3Q60 ซึ่งขาดทุนที่เนื้อธุรกิจเพียง 20 ลบ. ยืนยันภาพการ turnaround มีกำไรครั้งแรกในรอบ 15 ไตรมาส
Trading idea-- BJC@68.0 บาท // ทยอยสะสม WICE @6.10/
Technical View
แท่งเทียนหางยาวที่แนวรับ : ดัชนีแกว่ง Sideway Down ทดสอบแนวรับ 1690 และสามารถดีดตัวกลับได้ สิ้นวันจึงเกิดเป็นแท่งเทียนหางยาว ซึ่งจะพบว่าในอดีตที่แนวรับกรอบสามเหลี่ยมจะเกิดแท่งเทียนหางยาวทุกครั้ง ทำให้มองว่าแนวรับช่วง 1688-1690 เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง คาดระยะสั้นค่อยๆ Rebound ขึ้นตามกรอบสามเหลี่ยม เพื่อรอเลือกทาง
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Let Profit Run คาดหวังการ Rebound ขึ้นตามกรอบสามเหลี่ยม 2) ไม่มีหุ้น: หากดัชนีไม่หลุดแนวรับ 1688-1690 มองเป็นโอกาสเล่น Rebound
แนวรับ : 1700, 1705 แนวต้าน : 1710, 1715
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จีนรายงาน PMI ภาคการผลิตเช้านี้ / ประชุม OPEC 30 พย. และ สหรัฐรายงานตัวเลขตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ : Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้ / 1 ธ.ค.รายงานเงินเฟ้อหุ้นเทคนิค:
AOT (B 60.50, Tp 63.00//65.00, Cut 61.00)
KBANK (B 225.00, Tp 234.00, Cut 222.00)
ข่าวเด่น