กลยุทธ์วันนี้ >> ยังเน้นสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงอ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ในแดนบวกได้เป็นส่วนใหญ่ตามคาดและปิดบวก 2.26 จุด บรรยากาศการลงทุนเริ่มผ่อนคลายขึ้นแต่ตลาดยังติดตามการลงมติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภาสหรัฐฯ นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีกกว่า 2,000 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 2,431 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,690-1,705 จุด เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลวันหยุด รวมถึงมีประเด็นความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐฯ หลังไมเคิล ฟลินน์ ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ยอมรับว่าโกหก FBI กรณีหารือกับรัสเซีย ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงในตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ ซึ่งประเด็นดังกล่าวบดบังประเด็นบวกที่วุฒิสภาสหรัฐฯจะลงมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีและเดินหน้าหารือกับสภาผู้แทนฯเพื่อรวมร่าง 2 ฉบับต่อ แต่จากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งทำให้เราเชื่อว่ากระแสเงินทุนมีโอกาสพลิกมาไหลเข้าในระยะถัดไป จึงยังมองจังหวะอ่อนตัวเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐาน
กลยุทธ์ : ยังเน้นสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$418ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$223ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$63ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$5ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังวุฒิสภาสหรัฐได้รับร่างกฏหมายปฏิรูปภาษีแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BBL <<
- การประกาศความร่วมมือในการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคารกับ AIA ในช่วงต้น ต.ค. เป็นการปลดล็อคราคาหุ้นให้วิ่งขึ้นตามกลุ่ม สอดคล้องกับฐานกำไรที่จะทำนิวไฮในปีหน้า และยังเติบโตได้อีกมากในอนาคต
- ความร่วมมือกับ AIA จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ Bancassurance ที่ปัจจุบัน BBL มีไม่ถึง 5% ให้เท่า SCB และ KBANK ที่มี 8-15% ของรายได้ค่าธรรมเนียม ถ้า Bancassurance fee ของ BBL ขึ้นมาเท่ากับ KBANK และ SCB จะส่งผลต่อกำไรสุทธิราว 9-10%
- จากรายได้ค่าธรรมเนียมปี 2018 ที่คาด +16% Y-Y ทำให้กำไร +15.5% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PBV ต่ำกว่า 1 เท่าและมี PE เพียง 10 เท่า เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 230 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ส.ว. สหรัฐฯ รับรองร่าง กม. ปฏิรูปภาษีแล้ว ด้วยคะแนนเสียง 51-49 ตามคาด ตลาดหุ้นสหรัฐฯและ Dollar Index มีแรง sell on fact ควบคู่ไปกับความกังวลด้านเสถียรภาพทางการเมืองของโดนัลด์ ทรัมป์ ปัจจัยที่ต้องตามต่อคือระยะเวลาในการรวมร่างกฎหมายของ ส.ส. และ ส.ว. ให้เป็นฉบับเดียว โดยระหว่างที่รอ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมามีน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งปลายสัปดาห์จะประกาศตัวเลขจ้างงานงวด พ.ย. 17 ตลาดคาด 181,000 คน ลดลงจากงวดก่อนที่ 252,000 คน
(-) สัปดาห์ของการพักฐาน ต้นเดือน ธ.ค. ของทุกปีถือเป็นช่วงพักฐานของ SET เพราะมีวันหยุดยาวต่อเนื่อง โดยถ้าอิงสถิติ 5 ปีย้อนหลัง พบว่า SET อ่อนตัวลงเฉลี่ย -1.2% W-W และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง -3.8% W-W ด้วยความน่าจะเป็น 60% ขณะที่ ต่างชาติขายสุทธิเฉลี่ย 661 ลบ.ต่อวัน ส่วนกองทุนในประเทศซื้อสุทธิเฉลี่ย 251 ลบ.ต่อวัน ด้วยความน่าจะเป็นใกล้เคียงกัน ซึ่งผลสรุปที่ได้ถือว่าสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของ SET ปัจจุบัน ที่ยังไม่มีการเลือกทิศทางอย่างชัดเจน โดยจังหวะการพักตัวเรายังมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานดี
(+) STEC ประกาศได้รับงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลืองเพิ่ม 7 พันลบ. หนุน Backlog ทำ All Time High ที่ 1.09 แสนลบ. (คิดเป็น 6 เท่าตัวของรายได้ปี 2016) เพียงพอต่อการรับรู้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้า ส่วนประเด็น พรบ. จัดซื้อจัดจ้างใหม่เป็นลบเพียงระยะสั้น เพราะสุดท้ายงานจะถูกระบายออกมามากขึ้นในปีหน้า เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สีส้มตะวันตก ทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง และรถไฟทางคู่เฟส2 เราคงคาดการณ์กำไรปีนี้ +28% Y-Y และ +45% Y-Y ในปีหน้า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 31.80 บาท
(+) PT แบงก์ประกาศแผนปีหน้าเกือบหมดแล้ว ส่วนใหญ่เน้นลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นแต่เพิ่มการลงทุนด้านไอที เราคาดว่ามีเม็ดเงินลงทุนรวมไม่น้อยกว่า 2.5 หมื่นลบ. เป็นบวกต่อ PT ที่เป็นผู้พัฒนาและวางระบบไอทีให้กับทุกแบงก์โดยตรง ปัจจุบันมีสัดส่วน 37% ของรายได้รวม มากสุดในกลุ่ม SI แต่ยังคิดเป็นเพียง 4-5% ของมูลค่าการลงทุนข้างต้น เราคาดกำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่ตั้งแต่ 4Q17 ราคาปัจจุบันยังถูก PE2018 เพียง 10 เท่า ปันผลสม่ำเสมอ 4-5% ต่อปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 8.80 บาท อิง PE 13 เท่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5 ธ.ค.
|
- ออสเตรเลีย: ประชุมธนาคารกลาง
- ยูโรโซน: ยอดค้าปลีก (ต.ค.)
- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ต.ค.)
|
6 ธ.ค.
|
- ออสเตรเลีย: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย ตลาดคาด +1.9% Y-Y
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนADP (พ.ย.)
- ไทย: GULF เริ่มซื้อขายวันแรก ราคา IPO 45 บาท
|
7 ธ.ค.
|
- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.)
- ยูโรโซน: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย ตลาดคาด +2.5% Y-Y
- สหรัฐฯ: ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
|
8 ธ.ค.
|
- ญี่ปุ่น: 3Q17GDP ครั้งสุดท้าย
- จีน: ดุลการค้า (พ.ย.)
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (พ.ย.)
|
- (-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดขยับลงเพราะแม้วุฒิสภาจะสามารถรับรองร่างปฏิรูปภาษีได้สำเร็จ แต่ตลาดถูกกดดันจากความกังวลสถานการณ์การเมืองสหรัฐ หลังนายไมเคิล ฟลินน์ ออกมาให้ข้อมูลที่เป็นลบต่อทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นการติดต่อกับรัสเซียช่วงการเลือกตั้ง
- (-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบโดยได้แรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐกรณีความกังวลต่อสถานการณ์การเมือง
- (-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดลบตามทิศทางตลาดโลกที่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานภาพของทรัมป์
- (0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวในทิศทางอ่อนค่าเล็กน้อย โดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.62-32.69 บาท/ดอลลาร์
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.96 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 58.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ขยับขึ้นต่อจากแรงหนุนของผลการประชุมโอเปกที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันสามารถตกลงกันได้ อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังมีความกังวลต่ออุปทานจากสหรัฐ และ รายงานแท่นขุดเจาะสหรัฐรายสัปดาห์ที่เพิ่ม 2 แท่น
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดบวก 5.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,282.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลว่าทรัมป์อาจถูกสอบสวนเกี่ยวกับการติดต่อระหว่างรัสเซียช่วงเลือกตั้งอีกครั้ง
ข่าวเด่น