กลยุทธ์วันนี้
Selective Buy
Smart Pick
1. สะสม MINT : ราคาปิด 42.25 บาท ราคาเหมาะสม 52.50 บาท
a) Yuanta คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. - 24 พ.ย.เติบโตสูงถึง +22% YoY ขณะที่รายได้ธุรกิจอาหารจะได้แรงหนุนของมาตรการช็อปช่วยชาติระหว่างวันที่ 11 พ.ย. - 3 ธ.ค.
b) คาดกำไรสุทธิ 4Q60 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเข้าสู่ High Season และจะมีรายได้จากการขายโครงการอนันตรา ลายัน ภูเก็ตเข้ามาช่วยหนุนอีกราว 300 ล้านบาท
c) ราคาหุ้นยัง Laggard โดย YTD ปรับตัวขึ้น +18.8% เทียบกับ ERW +86.7% และ CENTEL +31.4% และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2561 จะเติบโต +18% YoY เป็น 6,742 ล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงแรมที่คาดว่าจะเติบโต +14% YoY
2. เก็งกำไร PSL : ราคาปิด 11.40 บาท ราคาเหมาะสมอิงเทคนิค 12.50 บาท ***(ยังไม่ได้อยู่ใน Coverage ของเรา)
a) คาดว่าหุ้นกลุ่มเรือเทกองจะตอบรับเชิงบวก เนื่องจากดัชนีค่าระวางเรือ BDI ไต่ระดับขึ้นวันที่ 13 ติดต่อกัน ปิดที่ 1,666 จุด ทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
b) ดังนั้น คาดว่าหุ้น PSL จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาได้เช่นกัน โดยมีแนวต้านทางเทคนิคที่บริเวณ 12.50 บาท และ 13.00 บาท ตามลำดับ
c) Consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 14.20 บาท และเชื่อว่าตลาดจะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีค่าระวางเรือ BDI ในรอบนี้ เนื่องจากผ่านพ้นจุดคุ้มทุนของผู้ประกอบการแล้วที่ระดับราว 1,400 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วันจันทร์ที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลดลง 2.04 จุด ปิดที่ 1697.61 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 4 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันราว 175 ล้านบาท รวมกว่า 4 พันล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันราว 981 ล้านบาท รวมราว 3.4 พันล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันราว 3.1 พันสัญญา รวมกว่า 1.3 หมื่นสัญญา, สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิเล็กน้อยเพียง 20 สัญญา มีเพียงนักลงทุนรายย่อยที่มีสถานะ Long สุทธิหนาแน่นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันราว 3.1 พันสัญญา รวมราว 1.3 หมื่นสัญญา
กลยุทธ์วันนี้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา SET INDEX ทรงตัวปิดต่ำกว่าแนว 1700 จุดเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ตลาดหุ้นไทยซบเซาตามคาด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 3.97 หมื่นล้านบาท น้อยสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.60 อย่างไรก็ดี แรงซื้อจากกองทุนประหยัดภาษี LTF/RMF เริ่มทำงาน กล่าวคือ กองทุนในประเทศ ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีก 981 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 6 วันทำการหลังสุด นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะซื้อสุทธิถึง 5 วัน ช่วยประคับประคอง SET INDEX ในช่วงมูลค่าการซื้อขายบางเบา
เราประเมินทิศทาง SET INDEX วันนี้ แกว่งทรงตัวในกรอบ 1695-1705 จุดเช่นเดิม ระหว่างรอดูความคืบหน้าด้านนโยบายการคลังของสหรัฐฯ คือ การพิจารณาร่างกฎหมายปรับโครงสร้างภาษี รวมถึงการแก้ปัญหาเพดานหนี้ ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 8 ธ.ค.นี้
ปัจจัยมหภาคที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ กระจุกตัวในวันศุกร์นี้ (8 ธ.ค.) เป็นส่วนใหญ่ อาทิ ยอดนำเข้า-ส่งออกของจีน, GDP 3Q60 ของญี่ปุ่น, ภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯ, การพิจารณาเพดานหนี้สหรัฐฯ
กลยุทธ์การลงทุนที่เราแนะนำในวันนี้ คือ การเลือกซื้อหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว เช่น การเข้าสู่ High Season ของกลุ่มท่องเที่ยว (MINT/ AOT), เก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะค่าระวางเรือ ที่ทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- Goldman Sachs ปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบ Brent ปี 2561 ขึ้นเป็น 62 เหรียญ/บาร์เรล จากเดิมที่ 58 เหรียญ/บาร์เรล
- EU ขยายกำหนดเวลาการเจรจา Brexit ออกไปอีก 10 วัน โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะเจรจากันอีกครั้งในสัปดาห์นี้
- FTSE SET Index Series เผยหุ้นที่ได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี โดยจะมีผลตั้งวันที่ 18 ธ.ค. 60
- วันนี้หุ้น GULF เข้าซื้อขายวันแรกใน SET หมวด พลังงานและสาธารณูปโภค ราคา IPO 45 บาท
- ติดตามการรายงานการนำเข้า ส่งออกจีน ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 5% YoY ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ 6.9% YoY การรายงาน GDP3Q60 ญี่ปุ่น และการรายงานตลาดแรงงานสหรัฐฯ วันที่ 8 ธ.ค.
- ติดตามการขยายเพดานหนี้ของสภาคองเกรสสหรัฐฯ วันที่ 8 ธ.ค.
ข่าวเด่น