กลยุทธ์วันนี้ >> Let Profit Run และสะสมเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ในแดนลบเกือบตลอดทั้งวันก่อนที่ช่วงปิดตลาดจะมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่และดันให้ดัชนีพลิกมาปิดบวกได้ 2.70 จุด ณ สิ้นวัน โดยสถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเป็นวันที่ 9 อีก 1,025 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิเป็นวันแรก 658 ลบ. หลังขายติดต่อกัน 10 วัน (แต่ Net Short ใน Index Futures 9,364 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะปรับตัวขึ้นเหนือ 1,720 จุดได้และมีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ 1,725-1,730 จุดจากความคาดหวังเรื่องมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ หลังมีรายงานเมื่อว่าพรรครีพับลิกันได้เปิดเผยร่างฉบับสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ซึ่งจะลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 21% จาก 35% และมีผลในปี 2018 ทันที โดยคาดว่าจะมีการลงมติผ่านร่างกฎหมายในสัปดาห์นี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เร่งตัวรวมถึงแรงซื้อจากฝั่งสถาบันในประเทศจากเม็ดเงิน LTF/RMF เรามองว่าหุ้นขนาดใหญ่น่าจะเคลื่อนไหวได้ดีในวันนี้
กลยุทธ์ : ส่วนที่ซื้อแล้วยัง Let Profit Run และสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$320ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน และเกาหลีใต้ US$142ล้าน และ US$135ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไหลเข้าไทย US$20ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตลาดคาดหวังต่อการผ่านร่างกฏหมายภาษีในสหรัฐในสัปดาห์นี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CPALL <<
- วันนี้เราออกบทวิเคราะห์กลุ่มค้าปลีก แนะนำ Overweight จากกำลังซื้อที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หนึ่งใน Top Pick ของเราคือ CPALL ราคาเป้าหมายปีหน้า 86 บาท (รายละเอียดติดตามจากบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม)
- เราชอบ CPALL จากการเติบโตของกำไรที่สม่ำเสมอสุดในกลุ่ม, หนี้สินต่อทุนผ่อนคลายลงจนอยู่ในระดับ Bond Covenants, และการเติบโตที่ดีของ MAKRO ซึ่งล่าสุดประสบความสำเร็จอย่างมากกับการเปิดสาขาแรกในกัมพูชา
- เราคาดกำไร 4Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5.1 พันลบ. +3% Q-Q, +19% Y-Y ส่วนปีหน้าคาด +20% Y-Y อยู่ที่ 2.3 หมื่นลบ. ขณะที่ ข้อมูล 3 ปีย้อนหลังบ่งชี้ว่าราคา CPALL ชอบปรับตัวขึ้นใน 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีในอัตราเฉลี่ย 5%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) การประชุมกนง.พุธนี้ คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.50% แม้ว่าเฟด ธนาคารกลางจีน และก่อนหน้านี้ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ไม่มีผลให้ไทยต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยตามเพราะเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นไม่เต็มที่นัก และไม่น่ากังวลว่าเงินทุนจะไหลออกเพราะอัตราดอกเบี้ยสุทธิของไทยยังเป็นบวก (ของสหรัฐติดลบ) เราคาดว่ากนง.จะเริ่มพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า
(+) มุมมองกลุ่มค้าปลีกปี 2018 เราเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight จากในช่วงกลางปีที่เป็น Neutral เพราะสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งการบริโภคเอกชน ดัชนีค้าปลีก ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ปรับลงเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 12 ไตรมาส ยกเว้นราคาสินค้าเกษตรที่ยังไม่สดใส แต่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ใน 2Q18 ดังนั้นน่าจะเห็นการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอยในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนก่อน สำหรับกำไร 4Q17 คาด +8.4% Q-Q, +11.5% Y-Y ทำจุดสูงสุดของปี บริษัทส่วนใหญ่มีกำไรโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ยกเว้น FN และ RSP ที่คาดกำไรโต Q-Q แต่ลดลง Y-Y ส่วนกำไรทั้งกลุ่มในปีนี้คาด +13% แต่โตเร่งตัวขึ้น 25% ในปีหน้า Top picks ของกลุ่มคือ CPALL, ROBINS, RSP
(+) TACC แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 โต 41% Q-Q และ 7% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 31 ล้านบาทจาก High season และมีการออกสินค้าใหม่หลายรายการ โดยเฉพาะเครื่องดื่มโถกดตามฤดูกาลรสชาติโกโก้ Hershey’s Freeze ได้รับการตอบรับดีมากจนผลิตไม่ทัน สำหรับกำไรทั้งปี เราคาด +8% Y-Y เป็น 110 ล้านบาท และคาดปีหน้าโตเร่งตัวมากขึ้น +22.7% Y-Y โดยยังไม่รวมการร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ในจีนอย่าง Quanjian คงราคาเป้าหมาย 7.70 บาท แนะนำซื้อ
(+) ASAP เราแนะนำซื้อหลังราคาหุ้นปรับตัวลงจนมี upside ที่น่าสนใจ มุมมองยังเป็นบวกทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในระยะสั้นเราคาดกำไรสุทธิ 4Q17 +13% Q-Q, +174% Y-Y เป็น 40 ล้านบาท สูงสุดในรอบปี ส่วนปีหน้าคาดกำไร +73% จากการเปิด ASAP Auto park ใน 1Q18 ทำให้มีรายได้ค่าเช่าพื้นที่และเป็นช่องทางขายรถมือสองอีกช่องทางหนึ่ง ขณะที่จำนวนรถเช่ายังเพิ่มต่อเนื่อง คงความเป็นผู้นำตลาดรถให้เช่ารายใหญ่ที่สุดในประเทศ ราคาเป้าหมาย 8.20 บาท
(0) SEAFCO เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมฐานรากในปีหน้า จากการประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ และงานก่อสร้างภาคเอกชนที่ฟื้นตัว ส่วนงานในมือขณะนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.6 พันลบ. เพียงพอรับรู้รายได้ถึงปีหน้า เราคงประมาณการกำไรปีนี้ที่คาด +36% Y-Y แต่ปรับปีหน้าขึ้น 3% เป็น +38% Y-Y อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับขึ้นเร็วจน Upside เหลือน้อยเมื่อเทียบกับเป้าใหม่ที่ 10.10 บาท จึงยังคงแนะนำถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
18 ธ.ค.
|
- ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (พ.ย.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ย.)
|
19 ธ.ค.
|
- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (พ.ย.)
|
20 ธ.ค.
|
- ไทย: กนง.ประชุม
|
21 ธ.ค.
|
- ไทย: VCOM เริ่มซื้อขายวันแรก (ราคา IPO 2.88 บาท)
- สหรัฐ: 3Q17 GDP
-ญี่ปุ่น: BOJประชุม
|
22 ธ.ค.
|
- ไทย: ดุลการค้า (พ.ย.), ยอดขายรถ (พ.ย.)
|
26 ธ.ค.
|
- ไทย: DDD เริ่มซื้อขายวันแรก (ราคา IPO 53 บาท)
|
26 ธ.ค.
|
- ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (พ.ย.)
|
- (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดบวกและทำนิวไฮต่อจากกระแสคาดการณ์ว่าคณะทำงานของทรัมป์จะสามารถผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในการโวตออกเสียงในสัปดาห์นี้
- (-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากแรงขายนำมาในกลุ่มค้าปลีกเนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
- (+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกสดใสตามการพุ่งขึ้นทำนิวไฮของตลาดหุ้นสหรัฐหลังมีกระแสความคาดหวังต่อมาตราการภาษีสหรัฐ
- (0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวในทิศทางอ่อนค่า โดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 32.52-32.56 บาท/ดอลลาร์
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ม.ค. ปิดบวก 0.26 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 57.30 ดอลลาร์/บาร์เรล จากประเด็นมาตราการจำกัดการผลิตของโอเปก ท่อขนส่งน้ำมันในยุโรป และ จำนวนแท่นขุดเจาะสหรัฐที่ปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ความกังวลการผลิตจากฝั่งสหรัฐยังกดดันให้ราคาน้ำมันไม่ปรับขึ้นมาก
- ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดบวก 0.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,257.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ขยับขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซาเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และ ตลาดหุ้นที่นิวไฮต่อเนื่อง
ข่าวเด่น