กลยุทธ์วันนี้
Domestic Play/ S-T Profit-taking
Smart Pick
1. สะสม ADVANC : ราคาปิด 186.00 บาท ราคาเหมาะสม 230.00 บาท
a) คาดกำไรปกติ 4Q60 ที่ 7.5 พันล้านบาท เติบโต +16.5% YoY และ +0.9% QoQ เติบโต YoY เป็นไตรมาสที่ 2 โดยรายได้จากการให้บริการเติบโต +5.7% YoY เป็น 3.3 หมื่นล้านบาท และการแข่งขันที่ลดลงส่งผลให้ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง -13.8% YoY สะท้อนผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด
b) หากกำไร 4Q60 ออกมาใกล้คาด เราคาดว่าจะจ่ายเงินปันผล 2H60 หุ้นละ 3.58 บาท คิดเป็น Dividend Yield ราว 2% และคาดว่าเงินปันผลปี 2561 จะเพิ่มขึ้นเป็นหุ้นละ 7.94 บาท คิดเป็น Dividend Yield 4.3%
c) คาดเซ็นสัญญาคลื่น 2100MHz กับ TOT ได้ภายใน 1H61และทำให้มีคลื่นในมือก่อนเข้าประมูลเพิ่มขึ้นเป็น 55MHz จึงเชื่อว่า ADVANC จะมีความต้องการคลื่นอีกเพียง 1 ใบ ในการประมูลคลื่น 850MHz และ 1800MHz และมีทางเลือกที่ดีกว่า DTAC ในกรณีที่ราคาคลื่นไม่สมเหตุสมผล
2. สะสม BJC : ราคาปิด 61.25 บาท ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
a) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกในปี 2561 เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. ที่ไต่ระดับขึ้นเดือนที่ 3 ติดต่อกันเป็น 78 จุด และทำระดับสูงสุดรอบ 33 เดือน
b) SSSG ใน 3Q60 เติบโต +9% YoY พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี และเชื่อว่าจะขยายตัวต่อเนื่องใน 4Q60 จากแรงหนุนของมาตรการ ช็อปช่วยชาติ รวมทั้งฐานที่ต่ำใน 4Q59 ที่มีการระบายสต็อกสินค้า
c) คาดกำไรสุทธิปี 2561 เติบโต +27% YoY เป็น 6,791 ล้านบาท และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในตลาด CLMV จากการขยายฐานธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคของ TCC Group
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.17 จุด ปิดที่ 1742.08 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 4 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อยเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีกราว 794 ล้านบาท และสถาบันในประเทศยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนอีกราว 429 ล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิหนาแน่นราว 6.2 พันสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิราว 2.3 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิ 7.3 หมื่นสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิราว 2.9 หมื่นสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 9 อีกราว 6.2 พันล้านบาท รวมราว 3.8 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- อังกฤษรายงาน GDP 3Q60 ขยายตัว 1.7%YoY เพิ่มขึ้นจากการรายงานครั้งก่อนและดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.5%YoY
- Trump ลงนามในกฏหมายปฏิรูปภาษี และการขยายระยะเวลางบประมาณระยะสั้นออกไปจนถึง 19 ม.ค. 61
- UN ประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ โดยควบคุมการส่งน้ำมันสำเร็จรูปไปเกาหลีเหนือไว้ที่ 5 แสนบาร์เรล/ปี
- JP Morgan และ Goldman Sachs คาดนโยบายภาษีสหรัฐฯจะช่วยหนุน GDP ปี 61 อีกราว 0.3%
- ติดตามการรายงานเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน พ.ย. วันที่ 26 ธ.ค. ตลาดคาดขยายตัว 0.5%YoY เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวเพียง 0.2%YoY
- SET50 SET100 จะทำการปรับดัชนีในวันที่ 29 ธ.ค.
กลยุทธ์วันนี้
การซื้อขายสัปดาห์สุดท้ายของปี 2560 คาดการลงทุนเป็นไปอย่างเงียบเหงา ตลาดหุ้นหลักทั่วโลกปิดทำการ ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยยังเบาบางเฉลี่ย 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท/วัน ด้วย Upside ของ SET INDEX จำกัดในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ประเมินด่าน 1740-1750 จุด ยังไม่น่าผ่านไปได้
ปัจจัยหลักสัปดาห์นี้ คือ การปรับดัชนี SET50-SET100 ในวันที่ 29 ธ.ค. หุ้นเด่นที่เราแนะนำให้เก็งกำไร ได้แก่ TPIPP/ ORI/ WHAUP/ JWD หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างสัปดาห์
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายของสัปดาห์ เราแนะนำให้นักลงทุนระยะสั้น "ขายทำกำไรบางส่วนและถือเงินสด" เมื่อราคาหุ้นที่เก็งกำไรไต่ระดับขึ้นระหว่างสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนระยะ 3 เดือนข้างหน้า เราแนะนำให้ "รอสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว" โดยเน้นหุ้นที่ผลการดำเนินงานใน 4Q60 จะออกมาดีกว่าคาด เช่นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (PTT/ PTTEP/ PTTGC/ IVL/ LANNA) กลุ่มบริโภคภายในประเทศ เราให้น้ำหนักกลุ่มธนาคาร (KBANK/ TMB) กลุ่มค้าปลีก (BJC) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT/ MINT) และกลุ่มสื่อสาร (ADVANC)
บทวิเคราะห์สำคัญของหยวนต้าวันนี้: กลุ่มธนาคารขนาดเล็ก ราคาหุ้นขยับขึ้นมาตลอดปี สะท้อนผลการดำเนินงานที่กลับมาเติบโตเด่น หลัง NPLs ผ่านจุดสูงสุดไปในปีที่ผ่านมา โดยเราเริ่มต้นคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ใน KKP / TISCO และ "ขาย" ใน TCAP จากผลประโยชน์ทางด้านภาษีจะสิ้นสุดลงในกลางปี 2561 ทำให้ภาพรวมกำไรสุทธิในปีหน้าจะหดตัวสวนทางกับภาพรวมของกลุ่มธนาคาร โดยเรายังคงชอบหุ้นธนาคารขนาดใหญ่อย่าง KBANK / TMB มากกว่าธนาคารขนาดเล็ก
Fund Flow Analysis
Foreign Investors Action in Thailand
ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 แต่เบาบาง
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 794 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 1,354 ล้านบาท ทำให้ YTD ของนักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเท่ากับ 27,468 ล้านบาท
SET50 Index futures นักลงทุนต่างชาติกลับมา Short สุทธิอีกครั้ง เพียง 6,235 สัญญา ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคง Short สุทธิขยับเป็น 73,338 สัญญา ทั้งนี้ S50Z17 ยังคงปิดสูงกว่า SET50 Index เป็น 1.02 จุด จากวันก่อนหน้า Premium เท่ากับ0.937 จุด
ส่วนตลาดตราสารหนี้นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 อีก 6,241 ล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิ 32,590 ล้านบาท ทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยเหนือ 3.0 แสนล้านบาทเป็น 362,264 ล้านบาท โดยราคาพันธบัตรไทยฟื้นตัวเป็นวันที่ 2 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 1.62bps จากวันก่อนหน้า -0.46bps เป็น 2.58%
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 กระจายไปในกลุ่มหลัก
การซื้อขายผ่าน NVDR คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 7 เร่งเป็น 1,164 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 289 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 7,010 ล้านบาท โดยสะสมกระจายไปกลุ่มหลัก กลุ่มโรงพยาบาล 221 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน 192 ล้านบาท กลุ่มธนาคาร 191 ล้านบาท แต่ขายสุทธิ MAI สูงสุดเพียงเล็กน้อย 30 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงิน - การลงทุน
- ธนาคารกลางจีนยืนยันที่จะลดระดับหนี้ลงต่อเนื่อง: ธนาคารกลางจีนยืนยันที่จะต่อสู้กับการป้องกันความเสี่ยง และควบคุมในภาพรวมของระดับหนี้ในระบบการเงินแบบ Proactive, ปลอดภัย และลดระดับหนี้ลงต่อเนื่อง
- ประธานาธิบดี Trump ลงนามในกฎหมายภาษีแล้ว: ประธานาธิบดี Trump ได้ลงตามในกฎหมายปฎิรูปภาษีในวันที่ 22 ธ.ค. รวมถึงอนุมัติกฎหมายงบประมาณระยะสั้น เพื่อไม่ให้รัฐบาลต้องถูกปิดลง (Government Shutdown) ยืดเวลาไปถึงวันที่ 19 ม.ค. 2561
ข่าวเด่น