คำแนะนำ
เน้นเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ขณะที่นักลงทุนที่มีสถานะจำนวนมากเป็นต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงจากวันหยุดของตลาดต่างประเทศ
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,264 1,251 1,243
แนวต้าน 1,282 1,294 1,300
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร๋ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ถึงแม้จะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีวงเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์และร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานราชการสหรัฐจนถึงวันที่ 19 ม.ค.ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนของเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ตาม ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน(Core PCE)ซึ่งถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความสำคัญปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 0.1 %ในเดือนพ.ย. และเมื่อเทียบรายปีพบว่าดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนพ.ย. ซึ่งยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดที่ 2.0% ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีหน้า ด้านกองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำในวันศุกร์ 1.48 ตัน ขณะที่วันนี้คาดว่าราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวไม่มากนักเนื่องจากตลาดเอเชียส่วนใหญ่ ตลาดยุโรปและตลาดสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำกลับขึ้นยืนเหนือ 1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์อาจทำให้มีแนวโน้มดันขึ้นสู่บริเวณ 1,294 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซน 1,282 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป ต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะออกมา สำหรับวันนี้ประเมินแนวรับที่ 1,264หรือ 1,251 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
รอจังหวะการเปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,264 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และตัดขาดทุนหากหลุด 1,251 ดอลลาร์ต่อออนซ์ลงมา และสำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะซื้ออยู่ แนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,282-1,294 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป
ข่าวเด่น