กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard Play และหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับฐานหลังจากที่ปรับขึ้นมา 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง ฉุดโดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับขึ้นมาแรงก่อนหน้า พอร์ตโบรกเป็นผู้ขายเป็นหลัก 2.2 พันล้านบาท ขณะที่สถาบันในประเทศยังเดินหน้าซื้อติดต่อกันเป็นวันที่ 18 อีก 1.1 พันล้านบาท
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัวออกด้านข้างหลังจากปรับฐานแล้ววานนี้ ไม่น่าปรับลงแรงอีกเพราะอย่างน้อยดาวโจนส์และตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้เป็นบวกและป็นวันทำการสุดท้ายของปี ปริมาณการซื้อขายน่าจะเบาบาง
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่ Laggard และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
  หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, CMO, EPG, MINT, ROBINS
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$359ล้าน นำโดยไต้หวัน US$246ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$42ล้าน และไทย US$11ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทาชะลอการลงทุนก่อนปิดทำการเนื่องในเทศกาลขึ้นปีใหม่

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CMO <<

• ในช่วงที่ทุกคนกำลังหยุดงานไปฉลองปีใหม่ สำหรับ CMO ถือเป็นช่วงรับทรัพย์ วานนี้ผู้บริหารให้ข้อมูลว่าได้รับงาน Countdown ใหญ่ 3 แห่งรวมมูลค่า 14 ลบ. หนึ่งในนั้นคือ เมกา บางนาที่จะมี bodyslam ขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรกหลังจบก้าวคนละก้าว ขณะที่ งาน Countdown ขนาดกลาง-เล็กคาดว่าจะมีอีก 7-8 งาน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้เช่าอุปกรณ์อีกหลายงาน สะท้อนตลาดจัดอีเวนท์ได้กลับมาฟื้นอย่างเต็มที่แล้ว
• เรายังคาด 4Q17 จะพลิกมามีกำไรสุทธิ 39 ลบ. จากการรับรู้งานในมือมากกว่า 400 ลบ. ซึ่งงานอีเว้นท์ใหญ่นอกเหนือจาก Countdown เช่น Motor Expo, งานเปิดตัวเซ็นทรัลมหาชัย, Money Expo,  และ King Power 28th Anniversary ขณะที่ ผลขาดทุนของ CMO Show Corp. จะลดลงจากการทำตลาด Himmapan Avartar ร่วมกับ BEC
• ราคาปรับขึ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับเป็นครั้งแรกในรอบ 10 วันทำการ ถือเป็นโมเมนตัมเชิงบวกในการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 3.00 บาท

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (+) มุมมองกลุ่มสื่อสารปี 2018 เรามีมุมมองเป็นบวกต่อภาพรวมกลุ่มสื่อสารฯในปี 2018 จากการเติบโตของโลก Digital ซึ่งเป็นบวกต่อทั้งกลุ่ม Mobile Operator และ SI จากการใช้งานด้าน Data ที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคุณและแรงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนระบบ IT มากขึ้น ขณะที่กลุ่มดาวเทียมยังต้องเผชิญแรงกดดันจากโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เรายังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight โดยเลือก ADVANC และ AIT เป็น Top Pick 
  (+) มุมมอง MAI ใน 1Q18 เป็นบวกมากขึ้น ดัชนี MAI ปี 2017 ปรับตัวลง 12% YTD ตรงข้ามกับ SET ที่ปรับตัวขึ้น 14% YTD จากกำไร 9M17 ของทั้งกลุ่มที่ลดลง 62% Y-Y โดยมีเพียงกลุ่มเทคโนโลยีที่ดูจะโดดเด่นสุดทั้งผลประกอบการและราคาหุ้น อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า Downside ของ MAI ค่อนข้างจำกัด ถ้าพิจารณาจาก Spread ของ PBV และ Dividend Yield เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และการเติบโตของผลประกอบการที่จะสูงในปีหน้า จากฐานที่ต่ำในปีนี้และการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ  โดยหุ้นที่เราติดตาม 17 บริษัท คาดว่ากำไรปกติปีนี้จะเติบโต 16% Y-Y อยู่ที่ 2,076 ล้านบาท และโตมากขึ้นเป็น 39% Y-Y อยู่ที่ 2,889 ล้านบาท ในปี 2018 ขณะที่ แรงขาย LTF/RMF ที่มักเกิดขึ้นในช่วงต้นปีจะไม่กระทบหุ้น MAI เราจึงให้น้ำหนักเป็น Overweight สำหรับการลงทุนใน 3 เดือนข้างหน้า Top Pick คือ ATP30 ARROW COMAN CMO MGT และ PPS
  (+) KSL กำไรสุทธิ 4Q17 (งวด ส.ค. – ต.ค. 17) อยู่ที่ 819 ลบ. ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย (จากการทำ JV กับบางจาก) 2,370 ลบ. จะขาดทุน 607 ลบ. แย่ลงจากที่กำไร 23 ลบ. ใน 3Q17 และขาดทุนเพียง 20 ลบ. ใน 4Q16 ส่วนกำไรสุทธิทั้งปี (สิ้นงวด ต.ค. 17) อยู่ที่ 1,970 ลบ. +38% Y-Y แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไรปกติเพียง 155 ลบ. -71% Y-Y เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการปีหน้า ซึ่งราคาน้ำตลาดในตลาดโลกยังไม่สดใส โดยคาดราคาขายเฉลี่ยจะลงมาอยู่ที่ 15-16 เซนต์ต่อปอนด์ ต่ำกว่าราคาขายเฉลี่ยปี 2017 ที่ 20-21 เซนต์ต่อปอนด์ ส่วนประเด็นการลอยตัวน้ำตาลแม้จะเป็นบวกกับโรงงานน้ำตาล แต่คาดว่าเป็นเพียงผลระยะสั้น เพราะสุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับราคาน้ำตาลในตลาดโลก เรายังแนะนำหลีกเลี่ยง

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

• (+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังทำนิวไฮได้ต่อจากแรงหนุนกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยี โดยบรรยากาศการลงทุนค่อนข้างเงีบบเหงา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการหยุดเทศกาลปีใหม่
• (-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเล็กน้อยท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบางก่อนการหยุดยาวช่วงเทศกาล
• (0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมในกรอบแคบๆโดยมีปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ยังทำนิวไฮต่อ ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนการหยุดยาวช่วงปีใหม่
• (0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแถว 32.65-32.72 บาท/ดอลลาร์
• (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดบวก 0.20 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 59.84 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงหนุนตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 3 ล้านบาร์เรล และ ตัวเลขนำเข้านน้ำมันดิบปีหน้าของจีนที่ยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น
• ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดบวก 5.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,297.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 6 จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าหลังตลาดผิดหวังกับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน