Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวลงแรง โดยมีแรงขายทำกำไรในหุ้นใหญ่อย่าง AOT, PTT, PTTEP, IVL, SCC และ GULF คาดเป็นผลจาก Prop trade โดยขายสุทธิสูงกว่า 2.2 พันล้านบาท ในขณะที่หุ้น SUN เข้าซื้อขายในตลาดเป็นวันแรก (ปรับตัวลงกว่า 10%) ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงกว่า 694 ล้านบาท อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเด่นในกลุ่ม ICT นำโดย DTAC (+14%), ADVANC ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,743 จุด (-9.6 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.1 หมื่นลบ. เท่ากับวันก่อนหน้า (โดยวานนี้มี BJC 1.48 พันล้านบาท ราคาเฉลี่ย 64.5 บาท)
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 356 ล้านบาท และกลับมา Short SET50 index future อีก 2,076 สัญญา
Investment theme
สรุปการลงทุนปี 2560 : ภาพรวมปีนี้ SET ปรับตัวขึ้นประมาณ 13% (ค่าเฉลี่ย MSCI Asia Pacific Ex. Japan ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31.8% ในขณะที่กลุ่ม TIP ปรับขึ้นเฉลี่ย 18%) โดย 5 หุ้นหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนดัชนีได้แก่ AOT, PTT, KBANK, ADVANC และ CPALL รวมส่งผลให้ SET ปรับตัวขึ้นสูงกว่า 110 จุด หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 50% ในขณะที่หุ้นที่กดดัชนีได้แก่ GL, TRUE, CPF, BLA และ KCE โดยปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนหลายตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุด ได้แก่ 1) การฟื้นตัวของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลก (GDP) ที่เติบโตพร้อมๆกันทั่วโลกทั้งจากฝั่งสหรัฐ , ยุโรป และเอเชีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกภายหลังจากเกิด Subprime Crisis ในปี 2551 โดยเศรษฐกิจประเทศไทยได้ประโยชน์ทางอ้อมจากประเด็นดังกล่าวผ่านช่องทางการส่งออก ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตในระดับ 3.8%-4.0% สูงที่สุดในรอบ 18 ไตรมาส 2) การฟื้นตัวของภาคการบริโภคในประเทศ สะท้อนผ่านรายได้เฉลี่ยต่อสาขา (SSSG%) ของหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เช่น BIGC, HMPRO, CPALL, M ที่พลิกกลับมาทำระดับสูงสุดในรอบหลายไตรมาส และ 3) การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นผลมาจากทั้ง Demand (เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว) และฝั่ง Supply (OPEC ขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปถึงปลายปี 2561) เป็นผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเฉลี่ยประมาณ 15% ส่งผลทางอ้อมให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเกือบ 20%
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – สหรัฐรายงานตัวเลขขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดที่ 245,000 ต่ำแหน่ง และรายงานน้ำมันคงคลังดิบลดลงสูงกว่าคาดที่ 4.6ล้านบาร์เรล / สศอ.รายงาน MPI เดือนพ.ย.ขยายตัว 4.23% (รวม 11 เดือนขยายตัว 1.52%)
Stock pick : สรุปการลงทุน
- กลุ่มค้าปลีก (BJC +26%, CPN +22%, CPALL+16%) แนะนำถือข้ามปี ในขณะที่ในเชิงกลยุทธ์แนะ ทยอยขาย CPALL ในช่วง 1Q18
- กลุ่ม Logistic (WICE +23%, PORT) แนะนำถือข้ามปี โดยเราให้เป็น Stock pick ของ 1Q18 ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท/หุ้น
- กลุ่ม Out of home media (MACO +27%,VGI) แนะนำถือข้ามปี โดยเราให้ MACO เป็น Stock pick ของ 1Q18 ราคาเป้าหมาย 2.42บาท/หุ้น
- กลุ่มอาหาร (CPF ,TU เฉลี่ย -4%) แนะนำชะลอการลงทุนใน CPF เพื่อรอทิศทางราคาหมูและไก่เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ชัดเจน ในขณะที่ TU แนะทยอยสะสมเพิ่มบริเวณ 19.00+/-
- กลุ่มโรงไฟฟ้า (SUPER - 11%, TPIPP+15%, CKP +22%) สำหรับ SUPER แนะยังไม่ซื้อเพิ่ม หรือพิจารณาตัดขายขาดทุน เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนใน Infrafund สำหรับ TPIPP แนะนำรอความชัดเจนของสัญญา TG4,6
- กลุ่มอสังหา (LPN +10%) แนะถือข้ามปี คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดและคาดกำไร 4Q17 และปี 2018 เติบโตดี พร้อมปันผลสูงกว่า 5%
- กลุ่ม 5 โรง (GPSC,BCP,CENTEL,BDMS,SPA) ผลตอบแทนเฉลี่ย 45-50% , แนะขายเอาทุนคืน GPSC และถือ CENTEL, SPA เพื่อรอขายใน 1Q18 สำหรับ BCP แนะทยอยสะสมเพิ่มบริเวณ 38-39 บาท (เป้าหมาย 46.00)
Technical View
แรงดีดกลับช่วงท้าย…ทำให้ยังมีความหวัง: ดัชนีแกว่ง Sideway Down ตลอดทั้งวัน ในช่วงปลายตลาดเกิดแรงขายหนัก ทำให้ดัชนีหลุดแนวรับ EMA5วันที่ 1747 แต่ได้เกิดแรง Rebound ช่วงก่อนตลาดปิดเล็กน้อย ขณะนี้ดัชนีปิดบริเวณใกล้กับ EMA5วัน และ MACD ยังไม่ตัดลง ภายในวันดูแนวรับแรกที่ 1740 หากไม่หลุดยังคงลุ้นการดีดตัวกลับได้ มองแนวต้านที่ 1747 และ 1753 แต่หากหลุด 1740 จะมีโอกาสแกว่งลงทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1730 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หาก Rebound อาจทยอยขายทำกำไรบางส่วนที่แนวต้านแล้วรอดูแนวโน้ม 2) ไม่มีหุ้น : หากอ่อนตัวไม่หลุดแนวรับ 1740 มองเป็นโอกาสซื้อเพื่อ Trading ระหว่างวัน
แนวรับ : 1740, 1730 แนวต้าน : 1747, 1753
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว-สั้นของสหรัฐปรับตัวลงอย่างมาก (Flattening yield curve) / จับตาความตึงเครียดในเกาหลีเหนือภายหลัง UNSC คว่ำบาตร
ปัจจัยในประเทศ : รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พย. (29 ธค.)
หุ้นเทคนิค:
BANPU (B 19.30, Tp 20.50, Cut 19.00)
ADVANC (B 187.00, Tp 195.00, Cut 185.50)
ข่าวเด่น