Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีแรงซื้อเด่นอย่างมีนัยยะในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP, PTTGC และมีแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่มโรงไฟฟ้า-พลังงานทดแทนต่อเนื่องอย่าง GULF, BCPG, BGRIM และกลุ่มการเงิน อย่าง TISCO, SAWAD, MTLS อย่างไรก็ตามพบแรงขายทำกำไรในกลุ่มอสังหาและค้าปลีก นำโดย ANAN, LPN, SPALI, AP,QH, LH และ CPN, BJC, BEAUTY ส่งผลให้ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,791 จุด (+12.4จุด) ด้วยมุลค่าการซื้อขายสูงกว่า 9.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยอีกครั้งที่ 1,074 ล้านบาท และยังคงสถานะ Short SET50 index future อีก 853 สัญญา
Investment theme
เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มพลังงานและ Logistic: นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิด Subprime Crisis ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2551 ที่เศรษฐกิจทั่วโลกกลับมาเติบโตพร้อมๆกันอย่างมีนัยยะ ส่งผลให้ World Bank , ADB และหลายๆสำนักวิเคราะห์ทั่วโลกต่างปรับประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจทั่วโลกขึ้น (หลายประเทศรายงาน PMI ทำระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน) โดยเฉพาะจากสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย (จีน) ซึ่งถือเป็นประเทศที่ส่งผลอย่างมีนัยยะต่อการส่งออก-นำเข้าสินค้าโลก และส่งผลบวกโดยตรงต่ออุปสงค์น้ำมัน ในขณะที่ฝั่งอุปทานมีการพยายามร่วมกันลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากอ้างอิงจากสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดไว้เฉลี่ยประมาณ 57-60 เหรียญ/บาร์เรล ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 66-68เหรียญ/บาร์เรล โดยทุกๆ 1เหรียญของการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้นจะส่งผลบวกต่อกำไร PTT, PTTEP รวมประมาณ 2,500-2,800ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาเป้าหมายประมาณ 1.50-2.00บาท/หุ้น 1010
Investment theme: คาด SET มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1,800 จุด แต่เรามองว่ามีโอกาสเริ่มเข้าสู่ช่วงแกว่งตัวบริเวณ 1,780-1,820 โดยเราคงแนะนำการลงทุนในหุ้นใหญ่ใน กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) กลุ่ม Logistic อย่าง WICE, PORT กลุ่ม Out of home media อย่าง MACO และทยอยสะสมกลุ่มอสังหา (LPN,AP)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ม.หอการค้าระบุ GDP ปี 2561 มีโอกาสใกล้ 5% หากเลือกตั้ง และเศรษฐกิจโลกดี พร้อมเปยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคมปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ 79.2 สูงที่สุดในรอบ 35 เดือน (จาก 78.0 ในเดือนพ.ย. ) / กรรมการผู้จัดการ HYDRO ลาออก / ค่าการกลั่นปรับตัวลง 15% ที่ 6.03 เหรียญ/บาร์เรล / สหรัฐรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบลดลง
Stock pick : PSL
PSL : ทยอยสะสม 13.70 บาท/หุ้น
สถานการณ์ฤดูหนาวที่รุนแรงกว่าที่คาด ส่งผลให้จีนมีการผ่อนปรนนโยบายการนำเข้าถ่านหิน เพื่อเร่งนำเข้าถ่านหินเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ล่าสุดจีนรายงานตัวเลข PMI ภาคการผลิตออกมาสูงกว่า 53.9 สูงสุดในรอบ 41 เดือน ส่งผลทางอ้อมให้ BDI กลับมาบวก 2 วันติดกว่า 100 จุด ที่ 1,341 จุด
ค่า BDI เฉลี่ยในไตรมาส 4 สูงกว่า 1,509 จุด ส่งให้ให้เราคาดกำไร PSL มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นกำไรครั้งแรกในรอบ 15 ไตรมาส และด้วยเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวเด่นตั้งแต่ไตรมาส 4 และคาดต่อเนื่องถึงปี 2561 ส่งผลให้เราคาดกำไร PSL ที่ 219 ล้านบาท บนสมมติฐาน BDI เติบโต 15%YoY (ค่าเฉลี่ยในปี 2560 ที่ 1,145 จุด)
ในเชิง Trading เรามองกรอบกราซื้อขายบริเวณ (10.90-12.00)
Trading idea – – ชะลอการลงทุนใน GFPT คาดกำไรชะลอตัวอีก 2 ไตรมาส / เก็งกำไร BANPU โดยราคาถ่านหินได้ประโยชน์ทางอ้อมจากประเด็นราคาก๊าซ Henry Hub ดีดตัว และการนำเข้าถ่านหินที่มากขึ้นในช่วงสั้นของจีน
Technical View
Break All Time High และกรอบ Flag : ดัชนีเปิดโดดจากแรงซื้อหลักในกลุ่มพลังงาน และปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน All Time High ที่ 1789 แม้จะถูกแรงขายทำกำไร แต่มีแรงดีดกลับได้เร็ว ทำให้กราฟรายวันเกิดเป็นแท่งเทียนมีหาง ส่วนในกราฟรายชั่วโมงฟอร์มเป็น Flag และได้ปิด Break กรอบบน ระยะสั้นคาดแกว่งตัวขึ้นทดสอบ 1800 โดยมีแนวต้านระยะกลางถัดไปที่ 1820 ส่วนจังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับเป็นจุดที่น่าเข้าซื้อเพื่อ Tradingกลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: Let Profit Run แล้วพิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1800 หากมีแรงขายมาก ทยอยทำกำไรบางส่วน และถืออีกส่วน 2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1785-1800
แนวรับ : 1785, 1780 แนวต้าน : 1800, 1820
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังหลายประเทศ รวมถึง UN เพิ่มระดับการกีดกันการค้า (งดการส่งน้ำมัน) และอื่นๆอีกมาก
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว,ยางพารา,ปาล์ม)
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 77.50, Tp 81.50, Cut 76.50)
PTT (B 466.00, Tp 482.00, Cut 460.00)
ข่าวเด่น