ราคาน้ำมันดิบพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี จากแรงหนุนของสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงเกินคาด
+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันเพื่อทำความร้อนในสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นเป็นประวัติการณ์ และเหตุความไม่สงบทางการเมืองในอิหร่าน
+ สำนักงานข้อมูลสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ธ.ค. 60 ปรับลดลงกว่า 7.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลง 5.7 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มอัตราการกลั่นสูงขึ้น จนล่าสุดแตะระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548 เพื่อลดปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ซึ่งมีผลต่อการจ่ายภาษีในช่วงสื้นปี ในขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง และน้ำมันเพื่อทำความร้อนคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 4.8 และ 8.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
+ พายุฤดูหนาวที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ จากปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “บอมบ์ ไซโคลน” ได้มุ่งหน้าสู่พื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกของสหรัฐฯ (U.S. East Coast) โดยภาวะหนาวเย็นอย่างสุดขั้วสร้างความกังวลต่อตลาดเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนน้ำมันเพื่อทำความร้อนในสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดได้ส่งผลให้น้ำมันทำความร้อนคงคลังในเขตนิว อิงแลนด์ และแอตแลนติกกลางปรับลดลงอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558 นอกจากนี้ พายุฤดูหนาวอาจส่งผลให้โรงกลั่นในพื้นที่ต้องปิดดำเนินการชั่วคราว
- ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันดิบที่อาจตึงตัวขึ้น จากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในอิหร่านที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 หลังจากเกิดเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลในอิหร่านตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. ท่ามกลางความขุ่นเคืองต่อปัญหาเศรษฐกิจและคอร์รัปชั่นในประเทศ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากความต้องการนำเข้าน้ำมันเบนซินจากบังกลาเทศ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ และสิงคโปร์ ที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงอุปสงค์จากสหรัฐฯ ที่ซบเซาในช่วงฤดูหนาว
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากประเทศศรีลังกา รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันทำความร้อนในช่วงฤดูหนาว และปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังของสิงคโปร์ ที่ปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 59-64 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 66-71 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาสถานการณ์การประท้วงที่ประเทศอิหร่าน หลังประชาชนไม่พอใจกับการทำงานของรัฐบาล เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และการปกครองของประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี และเหล่าผู้นำทางศาสนา โดยทางรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาแถลงการณ์ประณามเหตุจับกุมดังกล่าวและสนับสนุนผู้ประท้วงชาวอิหร่านในการเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐาน และต่อต้านคอร์รัปชัน ทำให้หลายคนกังวลว่าเหตุการณ์นี้อาจนำไปสู่การคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน การประท้วงไม่ได้กระทบต่อการผลิต และการส่งออกน้ำมันแต่อย่างใด
ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบจากสหราชอาณาจักร และลิเบียมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากท่อขนส่งน้ำมันดิบ Forties Pipeline System กำลังการขนส่ง 450,000 บาร์เรลต่อวัน กลับมาดำเนินการตามปกติ หลังพบรอยร้าว และต้องปิดซ่อมบำรุงตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ท่อขนส่งน้ำมันดิบในลิเบียที่ขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตน้ำมันดิบของบริษัท Waha Oil ไปยังท่าเรือ Es Sider สามารถกลับมาดำเนินการอีกครั้งเช่นกัน หลังจำเป็นต้องลดกำลังการขนส่งลงราว 70,000-100,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากถูกโจมตีโดยผู้ก่อความไม่สงบภายในประเทศ
การร่วมมือของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกที่มีเป้าหมายจะลดปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD Oil Stocks) สู่ระดับค่าเฉลี่ย 5 ปี โดยตั้งเป้าหมายจะลดกำลังการผลิตที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนสิ้นปี 2561 ซึ่งความร่วมมือยังคงอยู่ในระดับที่สูง นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียกล่าวว่าจะพิจารณาทยอยปรับขึ้นปริมาณการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตสิ้นสุดลง
ดัชนีและราคาที่สำคัญ
หมายเหตุ ปตท.-บางจาก ปรับเพิ่มราคาน้ำมันทุกชนิดขึ้น 40 ส.ต./ลิตรยกเว้น E85 ปรับขึ้น 20 สต./ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 60 ราคาน้ำมันเป็นราคาขายปลีก กทม. และปริมณฑล ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่น
ข่าวเด่น