ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ไปต่อ แต่สัปดาห์นี้จะผันผวนมากขึ้น
KGI คาด SET วันจันทร์ขึ้นต่อ มีโอกาสทะลุระดับ 1,800 จุด หลังปัจจัยภายนอกยังเป็นบวก + แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันฯ ยังหนาแน่น อย่างไรก็ดี SET ถึงเป้าไตรมาส 1/2561 แล้วและน่าจะผันผวนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ และเรามองอัพไซด์ระยะสั้นของดัชนีฯ มีจำกัด... แนะกลยุทธ์เพิ่มหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ธีมการลงทุนน่าสนใจ เข้าพอร์ต อ่านเพิ่มเติมในส่วนหุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน... ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปแรลลี่แรงเมื่อคืนวันศุกร์ หลังจาก i) สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ลดการคาดการณ์จำนวนครั้งที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปี 2561 จาก 3 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง ตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และดัชนี ISM Service ที่ต่ำกว่าคาด ข่าวดังกล่าวหนุนสกุลเงินเอเชียและค่าเงินบาท โดย ณ เวลา 8.25 น. ค่าเงินบาทเทรดที่ 32.10/ดอลล่าร์ฯ แข็งค่าสุดนับจากเดือน ก.ย. 2557, ii) โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศพร้อมเปิดการเจรจากับเกาหลีเหนืออีกครั้ง ลดแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ลงอีก ทั้งนี้เราประเมินด้วยพีอีแบนด์ คาดว่าหากดัชนีฯ ปรับฐานรอบนี้ น่าจะไม่ลงต่ำกว่า 1,760 จุด ซึ่งจะเป็นระดับที่เปิดอัพไซด์ของหุ้นมากกว่า ณ ปัจจุบัน และเป็นโอกาสในการเก็บหุ้นตัวหลักอีกครั้งหนึ่ง
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร SQ, BANPU*
SQ (เป้าพื้นฐาน 6.60 บาท) 1) ประเมินแรงขายก่อนหน้านี้จากความกังวลประเด็นแพ้การประมูลเหมืองแม่เมาะ เฟส 9 จบแล้ว ราคาหุ้นเริ่มสร้างฐาน ขณะที่ราคาพื้นฐาน (จาก Backlog ปัจจุบันที่มีในมือ 3.6 หมื่นล้านบาท) ไม่รวมงานเหมืองฯ อยู่ที่ 6.60 บาท 2) ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไร 4Q60 = 23 ล้านบาท (Turnaround จากขาดทุน 42 ล้านบาทใน 3Q60) ... อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์วันที่ 14 ธ.ค.60 3) ประเมินแนวรับ 5 บาท แนวต้านแรก 5.3 บาท ผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 5.75 บาท (Stop loss 4.74 บาท)
BANPU* (เป้าพื้นฐาน 24 บาท) 1) ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q60 = 2.5 พันล้านบาท (+56% YoY, +24% QoQ) 2) มีโอกาสที่นักลงทุนจะ Switching จากหุ้นกลุ่มโรงกลั่นที่ปรับขึ้นแรงก่อนหน้า ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มโรงกลั่นคาดจะถึงจุดพีคใน 4Q60 นี้ มายังหุ้นกลุ่มพลังงานตัวอื่นอย่าง BANPU* ที่ยัง Laggard + Valuation ไม่แพง PE ปี 2561 = 11.2 เท่า + และแนวโน้มกำไรดีต่อเนื่อง 3) ประเมินแนวรับ 20.4 บาท และถัดไป 20 บาท / แนวต้าน 21 บาท และ 21.4 บาท (Trailing stop 19.5 บาท)
หุ้นในกระแส
กลุ่มรับอานิสงส์ EEC (คาดร่างกฏหมายผ่านภายใน 1Q61) เราประเมินหุ้นกลุ่มแรกๆที่จะได้อานิสงส์จากโครงการ EEC คือ กลุ่มนิคมฯ และ ธนาคารพาณิชย์ โดยเราประเมินเม็ดเงินกองทุนระยะสั้นจะมุ่งเน้นหุ้นหลักก่อนเพื่อเกาะดัชนีฯ เพื่อไม่ให้ผลตอบแทนการลงทุนต่ำกว่าดัชนีฯ และขั้นถัดไปจึงจะกลับมามุ่งเน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มี Alpha สูง เพื่อมุ่งเน้นการชนะดัชนีฯ
1) กลุ่มหลัก (นิคมฯ, ธนาคารพาณิชย์) เรายังแนะนำ “Let profit run” สำหรับหุ้นกลุ่มหลัก 2 กลุ่มที่เราแนะนำมาก่อนหน้า หุ้นเด่นในกลุ่มฯ ได้แก่ AMATA*, WHA* และ KBANK*, BBL*
2) กลุ่มรอง (รับเหมาฯ, งานระบบฯ, หุ้นที่มีธุรกิจภาคตะวันออก) ราคาหุ้นกลุ่มรองที่เราเคยแนะนำก่อนหน้า (วันที่ 4 ม.ค.) อย่างกลุ่มรับเหมาฯ เริ่มมีแรงซื้อเข้ามา หลังหุ้นกลุ่มหลักเริ่มพักตามคาด แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้นกลุ่มรับเหมาฯต่อ เน้นตัวหลักของกลุ่มฯ อย่าง STEC*, CK*, UNIQ*, SEAFCO, PYLON (งานโครงสร้างพื้นฐาน) เป็นต้น และแนะนำพิจารณา “สะสม” รับเหมาอสังหาฯ อย่าง SYNTEC, PREB ที่คาดจะรับอานิสงส์งานก่อสร้างฯ ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มงานระบบฯไอที อย่าง SAMTEL, AIT, SPPT, SIMAT คาดจะรับอานิสงส์โครงการ EEC เช่นกัน และรวมถึงโครงการสมาร์ทซิตี้ สำหรับหุ้นที่มีธุรกิจอยู่ในโซนภาคตะวันออกอย่าง ECL, EASTW คาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกต่อเนื่องจากเศรษฐกิจในพื้นที่ตะวันออกที่จะขยายตัว
กลุ่มค้าปลีก การบริโภคในประเทศ (CPALL*, ROBINS*, COM7*) จากประเด็น i) การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ (ครั้งแรกในรอบ 3 ปี) ii) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ทำสถิติสูงสุดในรอบ 35 เดือน iii) เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. +0.78% (ปี 2560 +0.66%) คาดปี 2561 แตะ +1% เงินเฟ้อระดับอ่อนๆคาดเป็นบวกต่อ SSSG ของกลุ่มค้าปลีก แนะนำ “อ่อนตัวสะสม” หุ้นกลุ่มค้าปลีกต่อ เน้นตัวหลักเป้าหมายกองทุน CPALL*, ROBINS*, COM7*
หุ้นมีข่าว
(+ กลุ่มค้าปลีก CPALL*, COM7*) ลุ้นค้าปลีกโต 6% ปัจจัยบวกเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวหนุนฟื้นยาว 3 ปี (โพสต์ทูเดย์) สมาคมผู้ค้าปลีกไทยชี้ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย 3 ปีจากนี้ คาดโตต่อเนื่องปีละ 4-6% นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในอีก 3 ปีนับจากนี้ (2561-2563) คาดจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทย โดยในแต่ละปีประเมินว่าดัชนีการเติบโตของผู้ประกอบการค้าปลีกจะขยายตัว อยู่ที่ประมาณ 4-6% สูงกว่าเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา (2556-2559) ที่ธุรกิจค้าปลีกมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ปีละประมาณ 2.4% เท่านั้น
(+) ADVANC*-TOT เซ็นคลื่น 2100 เล็งสรุปสัญญาเช่าเสาในปีนี้ (ข่าวหุ้น) “ADVANC*-TOT” เซ็นสัญญาพันธมิตรทางธุรกิจโมบายบนคลื่น 2100 MHz อย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งทั้ง 2 องค์กร สัญญาณครอบคลุม-ความเร็วเพิ่มขึ้นเท่าตัว จ่อสรุปสัญญาเช่าเสาในรูปแบบร่วมทุนภายในปี 61
(+) WHAUP ข่าวดี COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม ปั๊มฐานกำลังผลิตพุ่งทะลัก 509 เมกะวัตต์ (ข่าวหุ้น) WHAUP เดินหน้า COD โรงไฟฟ้า “กัลฟ์ ทีเอส 4” หนุนกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนลงทุนพุ่งแตะ 509 MW การันตีมีแผน COD ไฟฟ้าใหม่อีกต่อเนื่อง ช่วยหนุนบริษัทเติบโตในอนาคต
(+) SMART อัดฉีดงบลงทุน 50ล.พัฒนาโปรดักต์-โมเดิร์นเทรด (ทันหุ้น) SMART ผ่านมาตรฐานการทดสอบ ASTM C177-04 ขึ้นแท่นผู้นำวัสดุอิฐมวลเบา ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงการันตีติดฉลากเบอร์ 5 โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณพ์ ขยายช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด
(+) RS รุกเจาะตลาดความงามวางหมากโกยเงิน 2.5 พันล. (ทันหุ้น) RS ใส่เกียร์เจาะตลาด Health & Beauty เต็มสูบ หวังดันยอดรายได้ส่วนนี้แตะที่ 2.5 พันล้านบาทในปี พร้อมออกสินค้าใหม่เพิ่มอีก 30 รายการ เผยสิ้นเดือนมกราคม 2560 เปิดตัวสินค้าและช่องทางจำหน่ายใหม่ แถมอัดคอนเทนต์ เสริมทัพธุรกิจสื่อ-ดันเรตติ้งทั้งปี 2561 แตะ 7 แสนรายต่อนาที
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
KBANK* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 237 บาท และ 235 บาท (สำหรับการเก็งกำไรสั้น Trailing stop 232 บาท)
BBL* (เป้าพื้นฐาน 240 บาท) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 204 บาท และ 202 บาท (สำหรับการเก็งกำไรสั้น Trailing stop 201 บาท)
AMATA* (เป้าพื้นฐาน 26.4 บาท) ประเมินแนวรับ 27 บาท แนวต้าน 30 บาท (Trailing stop 26.5 บาท)
WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) ประเมินแนวรับ 4.12 บาท แนวต้าน 4.30 บาท (Trailing stop 4.02 บาท)
ECF (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 5.75 บาท / แนวต้าน 6.1 – 6.3 บาท (Trailing Stop 5.5 บาท)
MOONG (เป้าพื้นฐาน 9.1 บาท) ประเมินแนวรับ 5.2 บาท แนวต้าน 5.5 - 5.9 บาท ตามลำดับ (Stop loss 5.2 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
AAV* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 7.28 บาท จากงาน AAV Open House in 2018 คุณธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ CEO ของ AAV* กล่าวถึงการซื้อหุ้นคืนจาก King Power ด้วยมุมมองที่เป็นบวก AAV* ตั้งเป้าผู้โดยสารในปี 2561 ว่าจะเพิ่มขึ้น 15% YoY เป็น 22.8 ล้านคน ตาม capacity ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15% ในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าที่จะรักษาระดับ load factor เอาไว้ที่ 87% โดยเพิ่มอัตรา utilization ของเครื่องบินเป็น 13 ชั่วโมง (จาก 12.3 ชั่วโมงในปี 2560)
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1792 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1792 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1792-1806 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1792 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1792-1765 จุด
แนวรับวันนี้: 1792/1778 แนวต้านวันนี้: 1801/1806
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
ข่าวเด่น