กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรหุ้นรายตัว
Smart Pick
1. เก็งกำไร PTTEP : ราคาปิด 107.00 บาท ราคาเหมาะสม 116.00 บาท
a) คาดว่าหุ้นต้นน้ำในกลุ่มพลังงาน เช่น ธุรกิจขุดเจาะสำรวจ จะปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ไต่ระดับขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 3 ปี เนื่องจากคาดว่า EIA จะรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล
b) คาดกำไรสุทธิ 4Q60 ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุน QoQ เนื่องจาก 3Q60 มีการ Write-Off โครงการ Oilsand
c) มี Catalyst รออยู่ คือการประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ แหล่งเอราวัณ และบงกช ในเดือน ก.พ. และคาดว่ามีโอกาสที่ PTTEP จะชนะประมูลเพราะมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและประสบการณ์ รวมทั้งเป็น Upside ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการกำไรของเรา
2. สะสม MINT : ราคาปิด 42.50 บาท ราคาเหมาะสม 52.50 บาท
a) คาดกำไรสุทธิ 4Q60 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ เพราะเป็น High Season ธุรกิจท่องเที่ยว และการขายโครงการอนันตรา ลายัน ภูเก็ตช่วยหนุนรายได้อีกราว 300 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากกลุ่มโรงแรมทิโวลีในโปรตุเกสคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเสร็จสิ้นการ Renovate ส่งผลให้สามารถปรับขึ้นราคาห้องพักขึ้นได้
b) ราคาหุ้นปรับตัวลง -2.8% YTD จึงเชื่อว่าจะได้อานิสงค์จากการเกิด Rotation เนื่องจากหุ้นหลักเริ่มเข้าสู่การพักฐาน
c) คาดกำไรสุทธิปี 2561 เติบโต +18% YoY เป็น 6,742 ล้านบาท เติบโตสูงกว่า ERW +11% YoY และ CENTEL +8% YoY จึงเชื่อว่าหุ้น MINT จะ Outperform กลุ่มได้ในปี 2561
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX แกว่งตัวในกรอบ 1780-1800 จุด ก่อนมาปิดที่ 1795.21 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 7.5 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเบาบางลงเหลือเพียง 364 ล้านบาท และสถาบันในประเทศพลิกกลับมาขายสุทธิวันแรกในรอบ 24 วันทำการราว 826 ล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 8.6 พันสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่ Short สุทธิเช่นกัน แต่เพียงเล็กน้อยราว 173 สัญญา หนุนให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 1.8 หมื่นสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิราว 1.2 หมื่นสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นอีก 1.3 หมื่นล้านบาท
กลยุทธ์วันนี้
ภาพตลาดหุ้นไทยกลับสู่ภาวะ sideways ตามที่ประเมินไว้ชัดเจน ด่าน 1,800 จุดยังทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง บวกกับเกิดแรงขายจากสถาบันภายในประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2560 รวมถึงหุ้น BAY ซึ่งผลักดันดัชนีช่วง 2 วันทำการก่อนหน้าเริ่มอ่อนแรงลง ทำให้เรายืนภาพระยะ 1-2 สัปดาห์จากนี้เป็นแบบแกว่งในกรอบ 1,780-1,815 จุด เพื่อรอดูผลประกอบการของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ในช่วงปลายสัปดาห์หน้า (17-19 ม.ค.)
อย่างไรก็ตามตัวช่วยเด่นในวันนี้คือ ราคาน้ำมันดิบทั้ง Brent และ NYMEX ปิดบวก 2% ทำระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี เมื่อ API รายงานสต๊อคน้ำมันดิบลดลงถึง 11.2 ล้านบาร์เรล ทำให้เกิดความคาดหวังต่อการรายงานสต๊อคน้ำมันของ EIA คืนนี้อาจลดลงมากกว่าคาดเช่นกัน อีกทั้งสภาพอากาศที่หนาวผิดปกติในสหรัฐฯ ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพื่อสร้างความอบอุ่นสูงขึ้นในระยะสั้น ถือเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มน้ำมันต้นน้ำอย่าง PTTEP (วานนี้หยวนต้าปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 114 บาท) / PTT และเป็นโอกาสของการเก็งกำไรรอบสั้น
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนเลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางที่อยู่นอก SET50 Index ที่ผลการดำเนินงาน 4Q60 เติบโตเด่น YoY และ/หรือ QoQ อย่าง TCJ/ TCMC/ JWD/ LANNA หรือการซื้อสะสมหุ้น Laggard ที่แนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตได้ดี แต่ราคาหุ้นกลับ Underperform ตลาดโดยรวม เช่น MINT ซึ่งได้อานิสงส์จาก High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศ และการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ช่วยหนุนธุรกิจอาหาร ขณะที่หุ้นปันผลเด่นที่เราแนะนำไปตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมาได้แก่ TISCO / KKP/ AIT/ JWD/ AP ยังเป็นหุ้นพักเงินชั้นดีได้สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้จำกัด
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้
- World Bank ปรับประมาณการ GDP โลก และ ประเทศกำลังพัฒนา ปี 2561 ขึ้นเป็น 3.1% และ 4.5% ตามลำดับ พร้อมทั้งปรับประมาณการ GDP จีน ปี 2561 ขึ้นเป็น 6.4%
- BOJ คาด GDP61 ขยายตัว 1.8% จากเดิมที่คาดการณ์ที่ 1.4%
- การเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ บรรลุไปได้ด้วยดี โดยทั้งสองฝ่ายจะลดความตึงเครียดด้านการทหาร รวมถึงในคาบสมุทรเกาหลี
- อัตราการว่างงาน EU เดือน พ.ย. อยู่ที่ 8.7% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 8.8% และทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ ม.ค. 2552
- ติดตามการรายงานเงินเฟ้อจีน เดือน ธ.ค. คาดขยายตัว 1.9% 10 ม.ค.
- ติดตามการรายงานนำเข้าส่งออกจีน ธ.ค. ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 10% และเงินเฟ้อสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.1% วันที่ 12 ม.ค.
ข่าวเด่น