กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรหุ้นรายตัว
Smart Pick
1.เก็งกำไร PTTEP : ราคาปิด 107.00 บาท ราคาเหมาะสม 116.00 บาท
- a)คาดว่าหุ้นต้นน้ำในกลุ่มพลังงาน เช่น ธุรกิจขุดเจาะสำรวจ จะปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนของราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ไต่ระดับขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 3 ปี เนื่องจาก EIA รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบลดลง 4.9 ล้านบาร์เรลมากกว่าคาดการณ์ที่ 3.9 ล้านบาร์เรล
- b)คาดกำไรสุทธิ 4Q60 ที่ 1.04 หมื่นล้านบาท พลิกกลับจากขาดทุน QoQ เนื่องจาก 3Q60 มีการ Write-Off โครงการ Oilsand
- c)Catalyst ที่รออยู่ คือการประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ แหล่งเอราวัณ และบงกช ในเดือน ก.พ. และคาดว่ามีโอกาสที่ PTTEP จะชนะประมูลเพราะมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและประสบการณ์ รวมทั้งเป็น Upside ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการกำไรของเรา
2.สะสม BCH : ราคาปิด 15.40 บาท ราคาเหมาะสม 19.30 บาท
- a)คาดกำไรสุทธิ 4Q60 ที่ 237 ล้านบาท จากแรงหนุนของการปรับขึ้นค่าหัวโครงการประกันสังคมตั้งแต่ ก.ค.2560 และรายได้ผู้ป่วยเงินสดทั้ง IPD, OPD เพิ่มขึ้น +9% YoY และ +12% YoY ตามลำดับ
- b)คงมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของกำไรปี 2561 จากการเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวเนื่องจากมีการปรับปรุงโรงพยาบในเครือทั้ง 6 แห่งในปีที่ผ่านมา และ WMC จะเริ่มสร้างกำไรเป็นปีแรก ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต +15% YoY เป็น 1,012 ล้านบาท
- c)ราคาหุ้นอ่อนตัวลง -10% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากการปรับฐานของหุ้นขนาดกลาง-เล็กกลายเป็นโอกาสสะสม ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายด้วย EV/EBITDA ที่ 18.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 23 เท่า
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเพียง 0.29 จุด ปิดที่ 1794.92 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นถึง 9 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่นถึง 4.4 พันล้านบาท นับเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันราว 1.1 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่เพียงเล็กน้อยราว 28 ล้านบาท รวมราว 850 ล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส Set50 นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิหนาแน่นราว 7.3 พันสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่ Long สุทธิหนาแน่นราว 2.1 พันสัญญา ในขณะที่ SSF นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 4.3 พันสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Short สุทธิหนาแน่นถึง 1.34 แสนสัญญา
กลยุทธ์วันนี้
เราคงมุมมองต่อ SET INDEX เป็น “กลาง” เช่นเดิม แกว่งระหว่าง 1,800 +/- จุด โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายอาจเห็นการทดสอบด่าน 1,800 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มพลังงาน ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ขยับขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่อง เมื่อ EIA รายงานสต๊อคน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาดการณ์ที่ 3.9 ล้านบาร์เรล สอดคล้องกับการรายงานของ API ในวันก่อนหน้า เรามองเป็นจังหวะในการเก็งกำไรรอบสั้นกลุ่มปิโตรเลียมต้นน้ำ อย่าง PTTEP/ PTT เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเรามองว่าแรงขายทำกำไรในหุ้นหลักจะยังต่อเนื่องจากช่วง 1-2 วันทำการที่ผ่านมา เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุน อีกทั้งนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศรอดูผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่จะทยอยประกาศในปลายสัปดาห์หน้า ทำให้หุ้นที่นอกกลุ่ม SET50 Index จะยังขยับได้ดีกว่าหุ้นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นที่ผลการดำเนินงานใน 4Q60 เติบโตเด่น แต่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานดังกล่าวอย่าง BCH (ติดตามบทวิเคราะห์ฉบับเต็มในวันนี้) / BEM / MINT
สำหรับปัจจัยเด่นวันนี้กับกรณีที่จีนเตรียมลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ทั้งนี้จีนเป็นผู้ถือพันธบัตรสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 2 มา 1-2 ปีที่ผ่านมาแล้ว โดยญี่ปุ่นเป็นผู้ถือครองสูงสุด แต่สัญญาณนี้จะส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขยับขึ้นต่อเนื่องและกลายเป็นปัจจัยกดดันต่อโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ได้เช่นกัน รวมถึงทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าลงได้อีกจากความกังวลดังกล่าว
กลยุทธ์หลัก เรายังเน้น “เก็งกำไร” หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ผลการดำเนินงานใน 4Q60 ขยายตัวเด่น เช่น BEM/ JWD/ GRAND / TCJ/ TCMC เป็นต้น สำหรับการเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารที่จะเริ่มทยอยประกาศในปลายสัปดาห์นี้ต่อเนื่องสัปดาห์หน้า เราเลือก TISCO / TMB เป็น Top Pick ในรอบนี้
ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้
- จีนรายงานเงินเฟ้อเดือน ธ.ค. ขยายตัว 1.8% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.9% YoY และยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3%YoY
- ทางการจีนส่งสัญญาณอาจชะลอหรือยุติการซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งจีนเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ของโลก
- แคนนาดาเผยสหรัฐฯอาจประกาศถอนตัวจากสมาชิก NAFTA เร็วๆนี้
- EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบลดลง 4.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 3.9 ล้านบาร์เรล ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
- ติดตามการรายงานนำเข้าส่งออกจีน ธ.ค. ตลาดคาดส่งออกขยายตัว 10% และเงินเฟ้อสหรัฐฯ ตลาดคาดขยายตัว 2.1% วันที่ 12 ม.ค.
- ติดตามการรายงานผลประกอบการ TISCO วันที่ 12 ม.ค. และการรายงานหุ้นในกลุ่มธนาคารในช่วง 17-19 ม.ค.
ข่าวเด่น