Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นเด่น โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทนอย่าง GULF, EA, BGRIM, BCPG,CKP และกลุ่มธนาคารอย่าง TISCO, SCB, KBANK ปรับตัวขึ้นเด่นเช่นเดียวกัน ในขณะที่หุ้นน้องใหม่อย่าง DDD ปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดสูงสุดที่ 103.0 บาท/หุ้น ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,810 จุด (+7.3 จุด) ด้วย มุลค่าการซื้อขายสูงกว่า 8.1 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 8.6 หมื่นล้านบาท (มี Biglot AMATA, TRUE, BJC รวมประมาณ 1.0 พันล้านบาท)
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งที่ 2,363 ล้านบาท ครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ และกลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 2,325 สัญญา
Investment theme
จับตาการประกาศงบการเงินของกลุ่มธนาคาร : สัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาประกาศงบการเงินปี 2560 ของกลุ่มธนาคาร โดยเราคาดกำไร 4Q60 ของกลุ่ม (9 ธนาคาร) รวมประมาณ 4.63 หมื่นล้านบาท (-8%YoY , -1%QoQ) ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก SCB ที่คาดกำไรปรับลดลง -28%YoY , -10%QoQ จากค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบและ Credit cost ที่สูง ในขณะที่คาด NPL ของกลุ่มที่ 3.71% (ลดลงเมื่อเทียบกับ 3Q60 ที่ 3.81%) และ Loan Growth (%) เติบโต 3.0%YoY โดยเราแนะนำให้นักลงทุนติดตามการรายงาน เพราะถือเป็นกลุ่มที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจโดยตรงและมูลค่าหลักทรัพย์ส่งผลต่อ SET สูงกว่า 15% เป็นรองเพียงกลุ่มพลังงาน อีกทั้งเราแนะนำติดตามการแถลงแผนกลยุทธ์ในปี 2561 ของผู้บริหารแนะดู Loan Growth (%) และ Credit cost (bps) เพื่อประเมินสถานกาณ์กลุ่มธนาคารในปีนี้
Investment theme: คงคำแนะนำ Let profit run ตราบใดที่ SET ยังสามารถเลี้ยงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน ได้ โดยเราแนะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเข้ามายังกลุ่มปันผลเช่น PTTGC, LH, SF, TISCO และทยอยสะสมหุ้นขนาดกลางอย่าง CKP, MACO
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – Brent ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องที่ 69.8 เหรียญต่อบาร์เรล / สหรัฐรายงานตัวเลข Core CPI เดือนธ.ค.สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 0.3% (1.8% YoY) / Dollar index ปรับตัวลงต่อเนื่องที่ 90.62 ในขณะที่ Euro/USD ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องที่ 1.219 สูงสุดในรอบ 37 เดือน
TISCO รายงานกำไร 4Q60 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย เป็นผลจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น
Stock pick : SUN
SUN : แนะเก็งกำไร กรอบราคา 6.70-7.90 บาท/หุ้น (Non-rated)
บริษัทฯประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายข้าวโพดหวานแปรรูป (บรรจุกระป๋อง, แช่แข็ง และสูญญากาศ) มีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 3 ในประเทศ โดยสัดส่วนส่งออกคิดเป็น 80% ไปยังญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรปและอื่นๆ (Tesco, Walmart, Lotte, 7-Eleven, Aijinomoto และอื่นๆ) ภายใต้แบรนด์ KC
ปี 2561 บริษัทขยายกำลังการผลิต และนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในโรงงาน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น (จาก 1.5 ตัน/ไร่ เป็น 3ตัน) และรุกธุรกิจข้าวโพดหวานแช่แข็ง (Frozen) และธุรกิจบรรจุถุงสุญญากาศ ซึ่งมี Margin สูง คาดกำลังการผลิตใหม่เริ่มในช่วง 2H61
หากดูจากผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าค่อนข้างน่าสนใจโดยพลิกจากขาดทุน 64 ล้านบาท มาเป็นกำไร 20 ล้านบาท และ 112 ล้านบาท (9M60) ในปีที่ผ่านมา เราประเมินกรอบราคาเหมาะสม อิงสมมติฐานกำไรปี 2561 เติบโตประมาณ 20% ได้ราคาประมาณ 6.70-7.90 บาท อิง PER ที่ 17-20 เท่า
Trading idea – – เก็งกำไร PTTEP (105.00-120.00 บาท) / ทยอยสะสม TPIPP (ปรับราคาเหมาะสมเพิ่มเป็น 9.00 บาท/หุ้น)
Technical View
เปิด Gap แล้วแกว่งออกข้าง ลุ้นการ Break Out : กราฟราย 120 นาที ดัชนีเปิดโดดจากแรงซื้อของหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนี Break Neckline ของ Double Bottom และปรับตัวขึ้นปะทะ High ที่ 1813 จากนั้นแกว่งตัวออกข้าง และประคองตัวไม่หลุด Low ที่ 1808 ระยะกลางยังมองตามแนวโน้มหลักที่แกว่งตัวขึ้นในกรอบ Uptrend Channel มองแนวต้านที่ 1820 และ 1830 จังหวะอ่อนตัวมองเป็นโอกาสสะสมตามแนวรับ กลยุทธ์การลงทุน 1) ลงทุนระยะสั้น หากอ่อนตัวไม่หลุด 1800 Let Profit Run ต่อ, ลงทุนระยะกลางหากไม่หลุด 1790 ยังแนะนำถือหุ้นต่อ 2) Trading ในกรอบ 1800-1830
แนวรับ : 1808, 1800 แนวต้าน : 1820, 1830
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 17 ม.ค. ยุโรปรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ และจีนรายงานตัวเลข GDP และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม / Bond yield สหรัฐเริ่มดีดตัว
ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว, ยางพารา, ปาล์ม) / การรายงานงบการเงินของกลุ่มธนาคารในสัปดาห์นี้
หุ้นเทคนิค:
TOP (B 100.00-101.00, Tp 105.00//108.00, Cut 99.00)
KBANK (B 235.00, Tp 245.00, Cut 233.00)
ข่าวเด่น