ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ซื้อขายในกรอบจำกัด
KGI คาด SET วันศุกร์ไซด์เวย์ ตลาดหุ้นยังอยู่ช่วงพักสร้างฐาน (วานนี้ดัชนีฯ ยืนไม่ได้และผันผวนค่อนข้างแรง ปิดเกือบต่ำสุดของวัน แย่กว่าคาดเล็กน้อย) ปัจจัยภายนอกเป็นลบเล็กน้อยเช่นกัน หลังหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดลงรับความกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาล (government shutdown) ของสหรัฐฯ หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายเพื่อเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ ภายในเที่ยงคืนของวันนี้ (เที่ยงวันของวันเสาร์เวลาไทย) อย่างไรก็ดีล่าสุด ณ 8.20 น. ทาง ส.ส. สหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายดังกล่าวแล้ว เตรียมส่งต่อให้ ส.ว. อนุมัติ เราจึงมองว่าตลาดหุ้นเอเชีย/หุ้นไทยเช้านี้น่าจะยืนได้ ทั้งนี้ KGI คงมุมมองว่า SET Index จะเปลี่ยนจากการปรับขึ้นเป็นแกว่งตัวไซด์เวย์ในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ เพื่อรอปัจจัยบวกเพิ่มเติมในระยะถัดไป (เรามองว่าปัจจัยบวกในประเทศยังรออยู่หลายประการในเดือน ก.พ. 2561 เช่น จีดีพีไตรมาส 4/2561 น่าจะเติบโตแข็งแกร่งมาก ผนวกกับ พรบ. อีอีซี น่าจะเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. ได้ภายในเดือน ก.พ. เป็นต้น) ดังนั้น การพักสร้างฐานของ SET ในช่วงนี้จึงเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้น
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร SF, COM7*
SF (เป้า Consensus 9 บาท) 1) ประเมิน Valuation laggard โดย PE 2561 = 16.8 เท่า (เทียบ CPN* ที่ PE = 34.6 เท่า) ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไร 2 ปี (2560 - 2562) Consensus คาดกำไรของ SF โต +12.8% CAGR (เทียบกับ CPN* ที่คาดโตเพียง 5.6% CAGR) 2) ฝ่ายวิจัยฯคงมุมมองบวกต่อการบริโภคในประเทศที่จะฟื้นตัวเด่นในปีนี้ จาก i) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง ii) การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งแรกในรอบ 3 ปี iii) อัตราเงินเฟ้อปีนี้คาดไว้ที่ 1% เป็นระดับที่เกื้อหนุนการเติบโตเศรษฐกิจ 3) ประเมินแนวรับ 8.25 บาท แนวต้านแรก 8.80 บาท และถัดไปที่ 8.95 บาท (Stop loss 8.2 บาท) … ข้อมูลประมาณการกำไรจาก Bloomberg consensus
COM7* (เป้า Consensus 19.6 บาท) 1) ประเมินแนวโน้มกำไร 4Q60 โตเด่น QoQ และ YoY ทำจุดสูงสุดใหม่ (Consensus คาดกำไร 179 ล้านบาท +22% YoY และ +19% QoQ) และเราคาดเบื้องต้นแนวโน้มกำไร 1Q61 จะยังเดินหน้าเติบโตเด่น YoY จากการเปิดสาขาใหม่ + สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ส่วนใหญ่การส่งมอบเริ่มขึ้นใน 1Q61 2) ประเมินการเปิดตัวเป็นพันธมิตรกับ SONY ในการขายเกมส์ รวมทั้งการขายคอมพิวเตอร์สำหรับการเล่นเกมส์ออนไลน์ จะเป็น Sentiment บวกตามกระแส E-Sport ในขณะนี้ 3) ประเมินราคาหุ้น Laggard JMART* ขณะที่แนวโน้มกำไรโตเด่นกว่า (Consensus คาดกำไร JMART 4Q60 โตเพียง 10% YoY และ 17% QoQ) 4) ราคาหุ้นวานนี้ Break เทรนไลน์ที่ 16.1 ขึ้นมาได้ ขณะที่ Indicators ต่างๆ (MACD, DI, RSI) สนับสนุนทางบวก คาดมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 16.7 บาท และ 17.9 บาท ตามลำดับ (Trailing stop 15.5 บาท)
หุ้นในกระแส
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทยอยรายงานผลประกอบการ 4Q60
i) กำไรดีกว่าคาด TMB* กำไรดีกว่าฝ่ายวิจัยฯคาด 5% และดีกว่า Consensus คาด 8%
ii) กำไรต่ำกว่าคาด KBANK* กำไรต่ำกว่าฝ่ายวิจัยฯคาด -41% และต่ำกว่า Consensus คาด -39% / SCB* กำไรต่ำกว่าฝ่ายวิจัยฯคาด -11% และต่ำกว่า Consensus คาด -7%
iii) กำไรใกล้เคียงคาด BBL* กำไรต่ำกว่าฝ่ายวิจัยฯคาด -2% แต่ดีกว่า Consensus คาด +14%
กลุ่มอสังหาฯตัวเล็ก ลุ้นกำไร 4Q60 โตเด่น (CHEWA, RICHY) ข้อมูลจากที่ปรชุมนักวิเคราะห์ เบื้องต้นเราประเมินแนวโน้มการรับรู้รายได้ของหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ตัวเล็กอย่าง CHEWA และ RICHY จะโตเด่น YoY และ QoQ ใน 4Q60 จากการโอนโครงการในมือที่สร้างเสร็จหลายแห่ง แนะนำ “เก็งกำไร” CHEWA กรอบแนวรับ – แนวต้าน 1.37 – 1.56 บาท / RICHY แนวรับ 1.78 บาท แนวต้าน 1.84 – 1.91 บาท
SPPT, SIMAT ข้อมูลจากที่ประชุมนักวิเคราะห์
i) SPPT (ยังไม่มีเป้า Consensus) เรายังคงประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานเริ่มต้น Turnaround เป็นกำไรตั้งแต่ 4Q60 และปีนี้จะยังคงขายธุรกิจที่ขาดทุนออกต่อเนื่อง (บันทึกกำไรพิเศษ + เงินสดจากการขาย) และซื้อธุรกิจที่มีกำไร+แนวโน้มเติบโตเข้ามาเพิ่ม คือ ธุรกิจรับเหมาฯงานไอที (อนุมัติซื้อแล้ว คาดรับรู้กำไรปลาย 1Q61) ธุรกิจ Software Logistic (คาดอนุมัติซื้อ ภายใน 1Q61) ธุรกิจ Fintehc (คาดอนุมัติซื้อภายใน 2Q61) ... ในเชิงกลยุทธ์ราคาย่อลงมาจนใกล้ราคาบิ๊กล๊อตให้นักลงทุนก่อนหน้านี้ บริเวณ ±4.5 บาท คาดมีโอกาสรีบาวด์ แนวต้าน 4.8 - 5.0 บาท
ii) SIMAT (ยังไม่มีเป้า Consensus) เรายังคงประเมินแนวโน้มธุรกิจปีนี้ Turnaround ต่อเนื่องจากปี 2560 โดยคาดธุรกิจอินเตอร์เนตบรอดแบรนด์เริ่ม Break-even แล้ว จากจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นใกล้ระดับจุดคุ้มทุน + ลงทุนธุรกิจใหม่เน้นรุกสถานประกอบการ ห้างสรรพสินค้า, คอนโดฯ แทนกลุ่มลูกค้าทั่วไป ขณะที่ธุรกิจ Software Logistic คาดแนวโน้มเติบโตตามภาวะอุตสาหกรรมฯ (ปัจจุบันมีกำไรปีละ 3 – 4 ล้านบาท แล้ว) และธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นธุรกิจที่มีกำไรเด่น หนุนกลุ่มฯมาตลอด ปีนี้คาดจะเริ่มต้นไตรมาสแรกด้วยออเดอร์ iPhone X ที่สายการผลิตล่าช้ามาที่ 1Q61 … ในเชิงกลยุทธ์ ราคาย่อลงมาใกล้ราคาเพิ่มทุน PP ที่ 3.0 บาท ประเมินมีโอกาสรีบาวด์ แนวต้าน 3.4 – 3.5 บาท
กลุ่มค้าปลีก การบริโภคในประเทศ (ตัวหลัก CPALL*, ROBINS*, COM7*, CPN* / ตัวรอง SF, TNP, MOONG) จากประเด็น i) การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ (ครั้งแรกในรอบ 3 ปี) ii) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ทำสถิติสูงสุดในรอบ 35 เดือน iii) เงินเฟ้อเดือน ธ.ค. +0.78% (ปี 2560 +0.66%) คาดปี 2561 แตะ +1% เงินเฟ้อระดับอ่อนๆคาดเป็นบวกต่อ SSSG ของกลุ่มค้าปลีก แนะนำ “อ่อนตัวสะสม” หุ้นกลุ่มค้าปลีกต่อ เน้นตัวหลักเป้าหมายกองทุน CPALL*, ROBINS*, COM7*, CPN* และอาจพิจารณาหุ้นตัวรองในกลุ่มที่ Laggard อย่าง SF, TNP, MOONG
หุ้นมีข่าว
(+) คณะกรรมการค่าจ้างเคาะค่าจ้างขั้นต่ำ บวกเพิ่ม 8-30 บาท เตรียมเสนอ ครม. มีผล 1 เม.ย.นี้ การประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 19 ครั้งที่ 2/2561 คณะกรรมการค่าจ้างได้พิจารณาการขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 61 โดยแบ่งการปรับขึ้นตามกลุ่มจังหวัด ทั้งหมด 7 ระดับ บวกเพิ่มต่ำสุด 8 บาท สูงสุด 30 บาท กระทรวงแรงงานจะนำผลการประชุมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ และจะประกาศบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.61 (Bisnews) เป็นไปตามที่เราคาดไว้ว่าจะมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น แต่ระดับของการรปรับขึ้นสูงกว่าที่เราคาดการณ์เล็กน้อย การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะเป็นปัจจัยบวกต่อการใช้จ่ายภาคครัวเรือนในปี 2561 เราคาดว่าจะช่วยหนุนให้ GDP สามารถขยายตัวได้ 0.05-0.1% มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อมีไม่มากเพียงแค่ 0.03% เรายังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อพัฒนาการเศรษฐกิจไทยปี 2561 คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ 4.8%
(0) BANPU* แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าศาลฎีกามีกำหนดการพิจารณาพิพากษาคดีหงสาในวันที่ 6 มีนาคม 2561 เวลา 9.00 น. (SET) ความเห็น: เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” บน BANPU ที่ราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง 24.00 บาท แต่อย่างไรก็ตาม เราได้คำนวณผลกระทบจากคดีหงสาในกรณีเลวร้ายที่สุดเอาไว้ที่ 4.50 บาท/หุ้น โดยอิงจากการพิจารณาค่าเสียหายทั้งหมดตามศาลชั้นต้นที่ 3.17 หมื่นล้านบาท ซึ่งเรายังไม่รวมผลกระทบใดๆ จากคดีสงหาไว้ในการประเมินราคาหุ้นพื้นฐานของเรา
(+) AMATA* ปรับโฉมรับยุค4.0อัดงบ1.5หมื่นล.ลงทุนในเวียดนาม (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) "อมตะ" พลิกโฉมครั้งใหญ่ ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่สู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบ "โลโก้" และชื่อเรียกโครงการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ผู้นำเมืองอัจฉริยะ (Smart City)ระดับโลกหวังเป็นแม่เหล็กดึงนักลงทุนรับอีอีซี ด้านการลงทุน พร้อมอัดงบลงทุน 15,500 ล้านบาท ลุยทำนิคมฯ ในเวียดนาม ต่อเนื่อง
(+) MONO* ชิงเบอร์2ฟรีทีวี หวังขยับเรตติ้งแตะ1.5 จับมือพันธมิตรใหญ่ดันคุณภาพเพิ่ม (โพสต์ทูเดย์) โมโน กรุ๊ป ตั้งเป้าปี 2561 รายได้ 3,500 ล้าน ปรับอัตราโฆษณาขึ้น 50% หวังขึ้นแท่นเบอร์ 2 ฟรีทีวี นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท โมโน เทคโนโลยี เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ โมโน กรุ๊ป ในปี 2561 ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท เติบโต 30-40% จากปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาราว 50% จากปีที่ผ่านมามีอัตราในช่วงเวลาปกติเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8 หมื่นบาท/นาที เป็น 4 หมื่นบาท/นาที และอัตราในช่วงเวลาไพรม์ไทม์เฉลี่ยอยู่ที่ 5 หมื่นบาท/นาที เป็น 1 แสนบาท/นาที
(+) GULF ขายไฟเพิ่ม 20.6 เมกลุ้นกำไรพุ่ง (โพสต์ทูเดย์) กัลฟ์เซ็นสัญญาขายไฟกับ กฟผ. 20.6 เมกะวัตต์ 25 ปี โบรกฯ คาดไตรมาส 4/2560 กำไรกระฉูด บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งว่า บริษัท กัลฟ์ จะนะ กรีน บริษัทย่อยได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้ว เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2561 โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 20.6 เมกะวัตต์ (MW) มีระยะเวลาของสัญญา 25 ปี
(+) SAMART การันตีปี 61 พลิกมีกำไร จ่อเซ็นสัญญางานใหม่ Q1 กว่า 4 พันล้าน (ข่าวหุ้น) SAMART เชื่อมั่นปี 2561 พลิกมีกำไร หลังเริ่มมีรายได้จากธุรกิจใหม่ SDC ในไตรมาส 2/2561 บวกกับ SAMTEL คาดมีรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท จ่อเซ็นสัญญางานใหม่ไตรมาส 1/2561 ราว 4,000 ล้านบาท จากทั้งปี 10,000 ล้านบาท ลุ้นประมูลอีก 10,000 ล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
BANPU* (เป้าพื้นฐาน 24 บาท) แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop 21.6 บาท
MONO* (เป้าพื้นฐาน 5.75 บาท) ประเมินกรอบการแกว่งตัว 4.28 – 4.64 บาท โดยวานนี้ขึ้นทดสอบกรอบแนวต้านที่เราประเมินแล้วถูกแรงขายทำกำไร ดังนั้นประเมินระยะสั้นมีโอกาสปรับลงทดสอบกรอบแนวรับ แนะนำ “เก็งกำไรแนวรับ” (Stop loss 4.2 บาท)
WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.6 บาท) แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop 4.34 บาท
TICON (เป้าพื้นฐาน 19.3 บาท) ประเมินแนวรับ 16.9 บาท / แนวต้าน 17.7 บาท (Stop loss 16.3 บาท)
SIMAT (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 3.10 บาท / แนวต้าน 3.4 – 3.5 บาท (Stop loss 3.0 บาท)
ECF (ยังไม่มีเป้า Consensus) ประเมินแนวรับ 6.0 บาท / แนวต้าน 6.3 – 6.6 บาท (Trailing Stop 5.8 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
INTUCH* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 72.25 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าในงวด 4Q60 INTUCH* จะมีกำไรที่ทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 2.9 พันล้านบาท (-1% QoQ) เป็นเพราะคาดรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจดาวเทียม (THCOM*) บวกกับส่วนแบ่งกำไรจากจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือ (ADVANC*) ที่คาดว่าจะทรงตัวจากไตรมาสก่อน ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” INTUCH* เนื่องจาก i) ยังมี upside จากราคาเป้าหมายปี 2561 ของเราอยู่อีก 25% ii) คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลงวด 2H60 จะจูงใจที่ 2.3% และเพิ่มเป็น 5% - 5.5% ในปี 2561
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1822 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1822 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1822-1837 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1822 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1822-1796 จุด
แนวรับวันนี้: 1810/1801 แนวต้านวันนี้: 1822/1832
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
ข่าวเด่น