Market summary

  เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่ง Sideway Down โดยมีแรงขายหลักในกลุ่ม BANK ขนาดใหญ่ เช่น SCB, KBANK และ BAY (รายงานกำไรในภาคบ่าย ต่ำกว่าตลาดคาด -5%) ขณะที่มี Selective Buy ในหุ้นขนาดใหญ่เป็นรายตัว เช่น PTTGC, PTTEP และ BEAUTY โดย ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,819 จุด   (-9.56 จุด) ด้วย มูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 8.1 หมื่นล้านบาท  เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 7.5 หมื่นล้านบาท
  นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่สองอีก 234 ล้านบาท แต่เปิดสถานะ Short SET50 index future กว่า 9,029 สัญญา

Investment theme
  งบกลุ่มธนาคารกำไรต่ำคาด ส่วน ICT มีปัจจัยกดดันเพิ่ม : อยู่ในช่วงสัปดาห์ของการรายงานกำไร 4Q60 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งล่าสุดมีการรายงานออกมาแล้ว 6 แห่ง จาก 9 แห่งที่อยู่ใน coverage ของเรา โดยพบว่า 4 แห่ง ออกมาต่ำกว่าคาดของตลาด นำโดย KBANK ต่ำคาด  -39%, SCB -12% (แต่ inline กับของเรา), TISCO -6.4%, BAY -5.1% ส่วน 2 แห่งที่เหลือ คือ TMB และ BBL รายงานออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ +5% และ +4% ดังนั้นจะเห็นได้ว่า BANK ส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะ Big Bank) กำไรออกมาเป็นเชิง Negative Surprise ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามว่าจะส่งผลกระทบต่อการปรับประมาณการกำไรของกลุ่ม BANK ลงหรือไม่ ส่วนด้านกลุ่ม ICT ก็มีประเด็นกดดันเพิ่มเติม 2 ประเด็นคือ 1) การเลื่อนประมูลคลื่น 850 MHz. เพราะมีสัญญาณคลื่นรบกวนกับคลื่นวิทยุของโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง และ 2) การแบ่งคลื่น 1800 MHz. จาก 3 เป็น 9 ช่วง เพราะต้องการให้มีการแข่งขันมากขึ้น โดยรวมอาจเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดสั้น    
  Investment theme:  กลุ่ม BANK & ICT มีปัจจัยกดดันสั้น ประเมินกรอบรับสำคัญของ SET บริเวณ 1800 จุด โดยกลยุทธ์ที่ปลอดภัยในช่วงนี้คือเลือกสะสมกลุ่มปันผลสูง และมีปัจจัยพื้นฐานดี เช่น PTTGC, LH, SF, TISCO

Big issue
  เมื่อคืนที่ผ่านมา – ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน ของสหรัฐ เดือน ธค. -8.2%MoM แย่กว่าคาดที่ -1.7%MoM /กระทรวงแรงงานเห็นชอบปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-22 บาท สูงสุด 330 บาท มีผล 1 เม.ย. นี้ 
  บทวิเคราะห์วันนี้ DDD (ปรับเพิ่มเป้าหมาย), TSTH (earning preview), PDJ (visit note)

Stock pick : DDD

DDD : ซื้อ ราคาเหมาะสม 131.00 บาทต่อหุ้น
  คาดกำไร 4Q60 เติบโต +129%QoQ และ +80%YoY เป็น 102 ล้านบาท ขานรับช่วง High Season การส่งออกเพิ่มขึ้น , นักท่องเที่ยวจีนเพิ่มสูงขึ้น และการเริ่มเข้าไปขายใน King Power ขยายช่องทางการขายทั้งในประเทศ (King Power ศรีวารี และสุวรรณภูมิ, Family Mart, Lawson ตั้งแต่ 4Q60, รูปแบบซอง เริ่มขายใน 7-11 ตั้งแต่ กย.60) และ ส่งออกปีนี้ คาดเติบโต 50% เป็น 900 ล้านบาท
เข้าสู่ Growth Stage ดังนั้น จึงปรับ Terminal growth จาก 3% เป็น 5% และปรับลด WACC จาก 8.34% เป็น 7.07% สะท้อน Risk Premium ที่ลดลง ได้มูลค่าพื้นฐาน 131 บาท/หุ้น เทียบเท่า 2018 PEG ที่ 1.2 เท่า 

  Trading idea – – ทยอยสะสมกลุ่มอสังหา (AP, LPN) และกลุ่ม Out of home Media (MACO)

Technical View

  เริ่มเสียเทรนการแกว่งขึ้นในระยะสั้น : ดัชนีเปิดโดดทะลุโซนแนวต้าน 1830 ขึ้นไปทำ New High ใหม่ที่ 1837 จากนั้นแกว่ง Sideway Down ก่อนทีช่วงบ่ายจะเกิดแรงขายกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคาร ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดกรอบ Uptrend ระยะสั้น และ Slow Stochastic ในกราฟ 120 เริ่มตัดตัวลงจากเขต Overbought ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับ 1813 และ 1808 ตามลำดับ กลยุทธ์การลงทุน 1) ลงทุนระยะสั้น รอดูแนวโน้มที่แนวรับเป็นขั้นๆ, ลงทุนระยะกลาง หากหลุด 1813 ทยอย Lock Profit บางส่วน  2) Trading ในกรอบ 1813-1830
  แนวรับ : 1813, 1808 แนวต้าน : 1825, 1830

Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : - 
  ปัจจัยในประเทศ : จับตาราคาพืชผลเกษตร (ข้าว, ยางพารา, ปาล์ม) / การรายงานตัวเลขส่งออกไทย ในวันจันทร์หน้า ตลาดคาด +11.1%YoY  หุ้นเทคนิค:
  BANPU (B 22.20-22.40, Tp 23.50//24.00, Cut 22.00)
  AOT (B 69.00, Tp 72.00, Cut 68.50)