Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา ตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายเกิด Switching แรงขายทำกำไรเด่นใน SCC เข้าซื้อ PTTGC ที่ได้ประโยชน์ทางทิศทางราคาน้ำมันขาขึ้น ในขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าและพลังงานทดแทนยังมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องเช่น GPSC, CKP, BGRIM, GULF อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารยังคงมีแรงขายนำโดย KBANK, TMB และ BBL ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,824 จุด (+2.72 จุด) ด้วย มุลค่าการซื้อขายสูงกว่า 5.9 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 7.8 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายหุ้นไทยที่ 459 ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 9,483 สัญญา
Investment theme
สรุปผลประกอบการกลุ่มธนาคารทั้งหมด - คาด SET แกว่งตัวเพื่อรอปัจจัยสนับสนุนใหม่: จบการรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารปี 2560 ไปเป็นที่เรียบร้อย พบว่า 9 ธนาคารหลักรายงานกำไร 4Q60 ต่ำกว่าคาด 19%YoY , 12%QoQ ที่ 4.09 หมื่นล้านบาท (คาด 4.63 หมื่นล้านบาท) โดย KBANK และ KTB ต่ำกว่าคาดมาก เป็นผลมาจาก Credit cost ที่สูงกว่าคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตั้งสำรองรองรับมาตราฐานการบัญชีใหม่ (IFRS 9) ในขณะที่ Loan Growth เติบโตเฉลี่ย 4.8%YoY (สูงกว่าคาดที่ 3.0%) และ NPL ปรับตัวลง QoQ เป็น 3.73% โดยล่าสุดผู้บริหารของหลายธนาคารเริ่มแถลงมุมมองปี 2561 พบว่าส่วนมากยังคงมุมมองเชิงอนุรักษ์นิยม และสำหรับ SET เราคาดจะแกว่งตัวในกรอบ 1,810 -1,840 เพื่อรอดูผลประกอบการกลุ่มพลังงานซึ่งคิดสัดส่วนประมาณ 20% ของมูลค่าหลักทรัพย์ เบื้องต้นเรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการกลุ่มพลังงานในไตรมาส 4 โดยเฉพาะจากกลุ่ม PTT และโรงกลั่น และคาดจะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาด อีกทั้งการอ่อนค่าของ Dollar Index และการสูญเสียความเชื่อมั่นในการบริหารงานของ Trump อาจส่งผลบวกทางอ้อมต่อการเคลื่อนย้ายของเงินทุนมายังเอเชีย
Investment theme: คงคำแนะนำ Let profit run ตราบใดที่ SET ยังสามารถเลี้ยงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ โดยเราแนะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเข้ามายังกลุ่มปันผลเช่น PTTGC, LH, SF, TISCO
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค.ของไทยเติบโต 8.6% (ทั้งปีเติบโต 9.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี ) / SCB แถลงปรับขนาดองค์กร ลดจำนวนสาขา และลดพนักงงาน พร้อมลงทุนด้าน IT / ส.ว.สหรัฐมีมติเห็นชอบผ่านร่างชั่วคราวด้วยมติ 81:18 ซึ่งจะส่งผลให้สหรัฐมีงบประมาณไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ.
Stock pick : ATP30
ATP30: ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 2.32 บาท/หุ้น คำแนะนำ ซื้อ
คาดกำไร 4Q60 เพิ่มขึ้น 40%QoQ เป็น 11.7 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องอีกครั้ง จากจำนวนรถใหม่ที่ให้บริการรวมเป็น 324 คัน ( เพิ่มขึ้น 28 คัน จาก 3Q60) และจะเพิ่มอีก 20 คันในช่วง 1Q61 ส่งผลให้เรามองว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องในปี 2561
ราคาหุ้นปรับตัว Sideway มานานกว่า 6 เดือน ภายหลังบริษัทอยู่ในช่วงการปรับปรุงรถ ทำให้กำไรลดลง อย่างไรก็ล่าสุดบริษัทได้ผ่านช่วงการซ่อมแซมและพร้อมเดินหน้าเข้าสู่ช่วง Growth stage อีกครั้ง ประกอบกับจังหวะรถชุด Autoliv เข้ามา ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะผลักดันให้กำไรของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง เราปรับราคาเหมาะสมใหม่ขึ้นเป็น 2.32 บาท/หุ้น บนวิธี DCF (WACC 10% , G 1%) คงคำแนะนำซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว
Trading idea – – ทยอยสะสม INGRS เป้าหมาย 1.50 บาท ภายหลังยอดขายรถยนต์ Perodua ดีเกินคาด
พยายามยืนเหนือ 1820 เพื่อดีดตัวกลับ : ดัชนีแกว่งตัว Sideway ตลอดทั้งวัน โดยแรงขายหลักยังเกิดจากหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่มีแรงซื้อหนุนจากกลุ่มพลังงานและสื่อสารประคอง ทำให้ดัชนีพยายามยืนเหนือแนวรับที่ 1820 ระยะสั้นถึงกลายยังคงมองว่าทิศทางขาขึ้นยังเป็นต่อ คาดแกว่งตัวขึ้นตามกรอบ Uptrend Channel มองแนวต้านระยะสั้นที่ 1830 และ 1837 จังหวะอ่อนตัวมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นตามแนวรับ กลยุทธ์การลงทุน 1) ลงทุนระยะสั้นTrading กรอบ 1820-1837 เน้นทำกำไรบางส่วนที่แนวต้าน, ลงทุนระยะกลาง หากไม่หลุด 1810 ถือหุ้นต่อ 2) Trading ในกรอบ 1820-1837
แนวรับ : 1820, 1813 แนวต้าน : 1830, 1837
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Bond yield สหรัฐเริ่มดีดตัว/ 23 ม.ค. ประชุม BOJ / 25 ม.ค. ประชุม ECB
ปัจจัยในประเทศ : จับตาสนช.พิจารณา 25 ม.ค.นี้
หุ้นเทคนิค:
PTT (B 480.00, Tp 490.00//500.00, Cut 474.00)
AOT (B 70.00, Tp 72.00, Cut 69.00)
ข่าวเด่น