Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาผันผวนสูง โดยมีแรงขายทำกำไรเด่นในกลุ่มนิคมนำโดย AMATA, WHA, TICON และกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง BGRIM, GPSC และ BCPG ในขณะที่ยังคงมีแรงซื้อต่อเนื่องในกลุ่ม PTT ( PTTGC, PTTEP, PTT, IRPC) และเกิด Technical rebound ในกลุ่มธนาคารอย่าง SCB, KBANK และ BBL ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,831 จุด (+7.7 จุด) ด้วย มุลค่าการซื้อขายสูงกว่า 7.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยที่ 448 ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 3,173 สัญญา
Investment theme
IMF ปรับเพิ่มเป้าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลก : เราคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วง 1Q61 จากทั้งเชิงพื้นฐานที่เรามองว่าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวพร้อมๆกัน จากทั้งฝั่งสหรัฐ ยุโรป และเอเชียซึ่งล่าสุด IMF ได้ปรับประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลก ( World GDP) ขึ้นเป็น 3.9% (เดิม 3.7%) โดยปรับเพิ่มขึ้นจากทั้ง 3 ประเทศ ในขณะที่กลุ่ม ASEAN ปรับเพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 5.4% ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และนอกจากนั้นเรามองว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน กล่าวคือ GDP เติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่เงินเฟ้อฟื้นตัว แต่อย่างไรก็ตามเราแนะนำนักลงทุนติดตามตัวเลขเงินเฟ้อจากทั้ง 3 ประเทศหลัก ที่ธนาคารกลางวางเป้าหมายไว้ที่ 2.0% ซึ่งอาจจะเป็นช่วงปลายรอบของการลงทุนในตลาดหุ้นในช่วงนั้น และสำหรับกลุ่มนิคมในประเทศไทย อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจาก 1) การเลื่อนกำหนดของการเลือกตั้งอาจส่งผลลบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน 2) กลุ่มซีพีจับมือพันธมิตรตั้งนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน เตรียมพื้นที่ 3,000ไร่ ในจังหวัดระยอง รองรับลูกค้าจีน ที่จะเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจ EEC ส่งผลต่อความกังวลในแง่ของจำนวนนิคมที่เพิ่มขึ้น ในระยะสั้นเราแนะนำชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนในรายละเอียดของแผนโครงการ EEC
Investment theme: คงคำแนะนำ Let profit run ตราบใดที่ SET ยังสามารถเลี้ยงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ โดยเราแนะแบ่งเงินส่วนหนึ่งเข้ามายังกลุ่มปันผลเช่น PTTGC, LH, SF, TISCO และคงคำแนะนำทยอยสะสมหุ้นเล็กอย่าง INGRS, ATP30
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – BOJ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย -0.1% และเดินหน้าเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อคง Bond yield 10 ปี ในระดับ 0% / ครม.ยังไม่อนุมัติการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยนายก กล่าวต้องพิจารณาหลายปัจจัย / ตลาดอนุมัติให้ WP กลับเข้าเทรดในตลาด 1 ก.พ. / Brent ดีดตัวขึ้นที่ 69.9 เหรียญ / ส.ว.มีมติ
Stock pick : CPALL
CPALL : ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 94.0 บาท/หุ้น คำแนะนำ ซื้อ
- คาดกำไรสุทธิ 4Q60 สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 5,133 ล้านบาท (+3% QoQ, +19% YoY) SSSG เพิ่มเป็น 4% ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส (เทียบกับติดลบเกือบ 1% ใน 4Q59 และ +2.4% ใน 3Q60)
- กำไรจะเติบโตดีต่อจากการเพิ่มสินค้าประเภทอาหารซึ่งมีอัตรากำไรสูง และสินค้าประเภทอาหารซึ่งมีแนวโน้มจะมาทดแทนอาหาร Street food มากขึ้น อีกทั้งมีการเปิดสาขา 700 สาขาต่อปี ทำให้มีสาขารวม 13,000 สาขาในปี 2564 เราเชื่อว่าไทยยังมีช่องว่างในการเปิดร้านสะดวกซื้ออีกมาก เนื่องจากจำนวนประชากร/ร้านสะดวกซื้อในไทยอยู่ที่ประมาณ 4,300 คน/ร้าน ซึ่งยังหนาแน่นกว่าญี่ปุ่น (2,540 คน) เกาหลี (1,600 คน) อเมริกา (2,100 คน) และไต้หวัน (2,350 คน)
- คาดกำไร 3 ปี (60-63) เติบโตเฉลี่ย CAGR 15% เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 94.0บาท /หุ้น คงคำแนะนำ ซื้อสะสม
Trading idea – – ทยอยสะสม SPCG คาดกำไร 4Q60 ทำสถิติสูงสุด / ทยอยสะสม INGRS เป้าหมาย 1.50 บาท ภายหลังยอดขายรถยนต์ Perodua ดีเกินคาด / เก็งกำไร PTTGC เรามีมุมมองเชิงบวกการต่อยอดการลงทุนในธุรกิจ Olefins
Technical View
ลุ้นการกลับตัวขึ้นแบบ H&S หัวกลับ: กราฟ 60 นาที ดัชนีอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับกรอบล่าง Uptrend Channel ซึ่งขณะนี้ลุ้นการกลับตัวเป็นแบบ Head and Shoulders หัวกลับ มองว่าหากผ่านแนวต้าน Neckline บริเวณ All Time High ที่ 1837 Upside ด้านบนจะเปิดมากขึ้น และจะกลับไปแกว่งตัวขึ้นในกรอบ Uptrend หลัก มองแนวต้านระยะกลางที่ 1850 และ 1860 จังหวะอ่อนตัวมองเป็นโอกาสสะสมหุ้นตามแนวรับ
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ลงทุนระยะสั้นTrading กรอบ 1825-1837 เน้นรอซื้อเมื่ออ่อนตัวที่แนวรับ, ลงทุนระยะกลาง หากไม่หลุด 1820 ถือหุ้นต่อ 2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1825-1837
แนวรับ : 1825, 1820 แนวต้าน : 1837, 1850
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : -
ปัจจัยในประเทศ : จับตาสนช.พิจารณา 25 ม.ค.นี้
หุ้นเทคนิค:
BANPU (B 21.00, Tp 22.00, Cut 20.80)
IVL (B 57.00, Tp 59.50, Cut 56.00)
ข่าวเด่น