คำแนะนำ
หากราคาหลุด 1,342 ดอลลาร์ต่อออนซ์จำเป็นต้องชะลอการเปิดสถานะซื้อออกไปก่อน ทั้งนี้ควรติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด โดยหากราคาดีดตัวขึ้นจนสร้างระดับสูงสุดใหม่จากวันก่อนหน้าได้สามารถถือสถานะซื้อต่อเพื่อรอทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,342 1,331 1,324
แนวต้าน 1,358 1,365 1,376
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งบริเวณ 1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยสกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย อาทิ การพุ่งขึ้นของสกุลเงินยูโรทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปีจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนที่แข็งแกร่ง, การเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)รวมภาคการผลิตและภาคบริการรวมถึงตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาด ประกอบกับเกิดความวิตกเกี่ยวกับสงครามทางการค้าหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งบังคับใช้ภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงพลังงานแสงอาทิตย์ทำให้ทั้งจีนและเกาหลีใต้ต่างออกมาประณามการประทำดังกล่าว อีกทั้งนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แสดงความเห็นว่าดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในระยะนี้เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 0.98% และเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรง ขณะที่วันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)คาด ECB คงนโยบายการเงินตามเดิมแต่แนะนำจับตาสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคตเพราะหาก ECB ส่งสัญญาณปรับลดหรือยุติ(QE)อาจส่งผลหนุนสกุลเงินยูโรและทองคำได้
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาขยับขึ้นก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาไม่มาก ระยะสั้นอาจพยายามจะดีดตัวขึ้นไปเพื่อยืนเหนือแนวต้านระดับ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากเกิดแรงขายจนไม่สามารถยืนเหนือแนวรับระดับ 1,342 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างมั่นคง จะเกิดแรงขายกดดันให้ราคาลงมาเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT
หากสามารถยืนเหนือ 1,342 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดสถานะซื้อ โดยตัดขาดทุนหากหลุดระดับดังกล่าว สำหรับการเปิดสถานะขายอาจพิจารณาดูบริเวณ 1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านหรือยืนได้ควรตัดขาดทุน
ข่าวเด่น