ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10
+ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ม.ค. ปรับลดลงกว่า 1.1 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า เป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน สู่ระดับ 411.6 ล้านบาร์เรล โดยเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ก.พ. 2558 ในขณะที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่ง ปรับลดลงเช่นเดียวกันที่ 3.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 39.2 ล้านบาร์เรล โดยเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ ม.ค. 2558
+ นาย Alexandar Novak และ นาย Khalid al-Falih รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียและรัสเซียตามลำดับ ยังคงยืนยันว่าความต้องการน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นซึ่งได้รับแรงหนุนจากเศรษกิฐโลกที่มีการขยายตัวแข็งแกร่ง จะช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบ ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณอุปทานส่วนเกินจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นทางฝั่งสหรัฐฯ ก็ตาม
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 9.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับตัวเลขสูงสุดที่ 10.04 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2513 โดยส่งผลต่อความกังวลของตลาดว่าจะมีอุปทานส่วนเกินมากขึ้น
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูงจากประเทศเวียดนาม อินโดนิเซีย และเคนยา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงหนุนของอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอุปทานที่ปรับลดลง
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 61-66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 66-41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการส่งสัญญาณในการโจมตีการขุดเจาะน้ำมันดิบครั้งใหม่ในประเทศไนจีเรีย หลังกลุ่มติดอาวุธในไนจีเรียพร้อมที่จะโจมตีการขุดเจาะน้ำมันดิบนอกชายฝั่งทะเล หลังที่ก่อนหน้านี้ได้โจมตีท่อขนส่งน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องในไนจีเรียในช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับจุดคุ้มทุนเฉลี่ยในการลงทุนผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมันดิบจากหินชั้นดินดาน (Shale oil) ในสหรัฐฯ โดยแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สะท้อนได้จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่อาจปรับเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า
ข่าวเด่น