Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมามีแรงขายค่อนข้างมากในช่วงปลายตลาด เน้นหนักในหุ้นกลุ่ม Big Caps เช่น พลังงาน (PTTGC, PTT), โรงไฟฟ้า (GULF), วัสดุก่อสร้าง (SCC) คาดตอบรับจิตวิทยาเชิงลบจากโอกาสการเลื่อนเลือกตั้งเป็นต้นปี 62 รวมถึง Valuation ตลาดที่เริ่มตึง โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,819.29 จุด (-14 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 7.4 หมื่นล้านบาท มากขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนที่ 6.0 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยกว่า 1,494 ล้านบาท ขณะที่เปิดสถานะ Long SET50 index future อีก 3,143 สัญญา
Investment theme
Upside จำกัด อาจปรับฐานสั้น แต่ยังอยู่ในกรอบขาขึ้น : การเคลื่อนไหวของดัชนีเมื่อวานนี้แกว่งตัวค่อนข้างผันผวน โดย SET ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าทำจุดสูงสุดบริเวณ 1848 จุด เทียบเคียง Forward PER 16.8 เท่า ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมาย SET ปีนี้ ในกรณีดีสุดของเรา (best case) ที่ 1870 จุด (upside เหลือเพียง +1.2%) สะท้อนถึง Valuation ของตลาดที่เริ่มเข้าสู่สภาวะตึงตัว ซึ่งจำเป็นต้องใช้สภาพคล่องส่วนเพิ่ม (Liquidity Driven) เป็นแรงขับเคลื่อนต่อ แต่อย่างไรก็ดีในระยะสั้น ตลาดเริ่มมีปัจจัยลบเข้ามากดดันบ้างซึ่งอาจเป็นสาเหตุในการขายทำกำไรระยะสั้น เช่น ประเด็นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. วานนี้ซึ่งมีมติเห็นชอบแก้มาตรา 2 ให้กฎหมายการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้ 90 วันภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดส่งผลให้การเลือกตั้งมีโอกาสที่จะเลื่อนออกไปราวเดือน กพ.-มีค. 2562 ถือเป็นจิตวิทยาเชิงลบตลาดหุ้น กดดันตลาดปรับฐานสั้นได้ แต่ downside จำกัด และหาก SET ไม่หลุด 1760 จุด ยังประเมินอยู่ในกรอบขาขึ้น มุมมองกลยุทธ์จึงแนะนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น โดยอาจแบ่งขาย ในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้าที่มี Upside เริ่มจำกัด เพื่อรอจังหวะการเข้าซื้อในช่วงถัดไป
Investment theme: อาจปรับลดพอร์ตการลงทุนลงบางส่วน เพื่อลดเสี่ยงในช่วงตลาดปรับฐานสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน sector ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้า และ Upside เริ่มจำกัด เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า เพื่อรอซื้อกลับในจังหวะที่เหมาะสมถัดไป
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – การประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และคงวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน จนถึงเดือน กย. นี้ / ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนี มค. ที่ 117.6 จุด ดีกว่าคาดที่ 117 จุด
Stock pick : BJC
BJC : แนะนำซื้อ เป้าหมาย 68 บาทต่อหุ้น
- คาดกำไร 4Q60 สูงสุดของปี เนื่องจากทั้ง 3 ธุรกิจของ BJC เติบโตดี อีกทั้ง BIGC มีกำไรเพิ่มขึ้นโดย SSSG เป็นบวกต่อเนื่อง (4Q60 SSSG ไม่ต่ำกว่า 5%)และเปิดสาขาเพิ่มขึ้น
- กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะเติบโตดีขึ้นใน 4Q60 เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่น และมีการขยายกำลังการผลิตขวดแก้ว โดยเตา 4 เริ่มผลิตเมื่อปลายเดือน ต.ค. ด้วยกำลังการผลิต 300 ตัน/วัน ทำให้มีกำลังการผลิตรวมเป็น 3,035 ตัน/วัน อีกทั้งเตา 5 กำลังการผลิต 400 ตัน/วัน จะเริ่มผลิตใน 3Q61 รองรับกับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่หนาแน่น
- กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมีแนวโน้มแข็งแกร่งจากการที่สินค้าใหม่ได้รับการตอบรับดีจากลูกค้า
- กลุ่มสินค้าเวชภัณฑ์และเทคนิคก็มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
Trading idea – – เน้นย่อสะสมกลุ่มที่คาดจะรายงานกำไร 4Q60 เด่น เช่น CPALL
Technical View
ลงแรงช่วงหลัง 4 โมงเย็น : ดัชนีเปิดโดดทำ High ใหม่ที่ 1848 จากนั้นแกว่งตัว Sideway Down ทั้งวัน ก่อนจะปรับตัวลงแรงช่วงหลัง 4 โมง ทำให้กราฟ 120 นาทีเกิดแท่งเทียนแดงยาวลงลดสอบแนวรับกรอบขาขึ้น มองว่าหากช่วงเช้าวันนี้ดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 1820 คาดจะแกว่งตัวลงทดสอบแนวรับจิตวิทยา 1810, 1800 ซึ่งหากหลุดแนวรับดังกล่าวจะเสีย เทรนขาขึ้นในระยะกลาง ในทางตรงข้ามหากยืน 1820 คาดจะแกว่งสร้างฐานกรอบ 1820-1830 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ลงทุนระยะสั้น จังหวะ Rebound อาจใช้เป็นจุดขายทำกำไรระยะสั้น, ลงทุนระยะกลาง ต้อง Lock Profit หลังหลุด 1830 2) ไม่มีหุ้น: Trading ในกรอบ 1810-1830
แนวรับ : 1810, 1800 แนวต้าน : 1825, 1830
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : คืนนี้ติดตาม 4Q60 US GDP คาดที่ 3%QoQ / 31 มค. การประชุม FOMC คาดคงดอกเบี้ย
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการรายงานกำไร 4Q60 : วันนี้ PTTEP
หุ้นเทคนิค:
IRPC (B 7.20-7.30, Tp 7.70//8.00, Cut 7.10)
PTT (B 480.00, Tp 492.00, Cut 476.00)
ข่าวเด่น